ทำไมจึงเกิดวิกฤติสถาบันการเงินของสหรัฐครับ?

ไม่ได้อ่านคำตอบอื่น ต้องขอโทษด้วยถ้าตอบซ้ำกับคนอื่น

------------------------------------------------------------------------------------

สถาบันการเงินของอเมริกาเริ่มสั่นคลอนตั้งแต่กลางปี 2550(คิดว่าเดือนมิถุนายน)

เนื่องมาจากหนี้เน่าในกิจการอสังหาริมทรัพย์(ธุรกิจที่ดินและบ้าน)

สถาบันการเงินใหญ่ๆ(ต่างประเทศก็เข้าไปร่วมด้วย)สนับสนุนให้มีการซื้อขายบ้านโดยไม่มีหลักประกันว่าลูกค้าจะมีเงินจ่ายได้หรือเปล่า

ส่วนมากจะไม่สามารถจ่ายได้ถึงงวดสุดท้าย หนี้จึงสูญ

การเงินเริ่มฝืด คนตกงาน เพิ่มขึ้นในอเมริกา

สถาบันการเงินเงินขาดมือในการหมุนเวียน

/-สาเหตุคนตกงานเพราะรัฐฯนำเงินไปลงทุนในสงครามหลายด้าน อีรัค-อัฟกานิสถาน ไม่ได้สร่า้งงานภายในประเทศเพิ่มขึ้น ไม่มีประกันสังคม (ประกันสังคมก็สร้่างงานเพราะต้องมีบุคลากร-การเก็บเอกสาร-ตรวจสอบผู้ประกันฯลฯ)

/-เงินลงทุนในการหาข่าวเพื่อต่��ต้านการก่อการร้าย

ซึ่งใช้ในปริมาณเกินจริง แต่บุชก็สนับสนุนให้ทำเพราะกิจการต่อต้านก่อการร้ายนี้อยู่ในมือของรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายเชนี่

/-เงินลงทุนในการต่อต้านก่อการร้ายมากมายเกินความจำเป็น และเป็นเงินที่ส่วนใหญ่ลงทุนโดยไม่ได้อะไรกลับคืนมา

ทั้งเครื่องเอกซเรย์กระเป๋าชนิดผ่านสายพาน เงินในการกำจัดของเหลวที่ยึดจากผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่อง เงินในการกำจัดมีดพับกรรไกตัดเล็บที่ยึดจากผู้โดยสารฯลฯ

ทุกประเทศที่มีสนามบิน ต่างเดินตามรอยอเมริกาหมด เงินทั้งโลกมากองอยู่ตรงนี้เป็นล้านดอลล์ตามด้วยเลขศูนย์อีกร้อยตัว

/-วิกฤติการณ์น้ำมันราคาสูงขึ้น ชาติตะวันออกกลางหลายประเทศก่อสร้างใหญ่โตสวยงาม จึงต้องขึ้นราคาน้ำมัน บางประเทศทำอาคารใหญ่กว่าสนามหลวง ภายในมีเครื่องทำหิมะเพื่อให้เล่นสกีในอาคารนั้น

ขณะที่อุณหภูมิภายนอกอาคาร 50 องศา อเมริกันมีน้ำมันแต่ไม่ยอมขุดออกมาใช้เอง คนอเมริกันจะเดินไม่เป็นและเดินไม่ได้ เนื่องจากเมืองมีเนื้อที่กว้าง ต้องใช้รถยนต์เมื่อต้องไปทำงาน ไปซื้อของ ไปโรงเรียน ไปออกกำลังกาย ไปกินข้าวนอกบ้านฯลฯ

/-จีนต้องการวัตถุดิบ ทำให้ราคาวัตถุดิบสูงขึ้นโดยเฉพาะเหล็ก น้ำมัน(ก่อนโอลิมปิคราคาเหล็ก/ปูนสูงมาก) จีนส่งสินค้าราคาถูกกว่าของผลิตในสหรัฐเองไปขายเหมือนน้ำซึมบ่อทราย แต่ปริมาณเทอร์นโอเวร์ สูงทั้งอุปโภค(เครื่องไฟฟ้า-คอมฯ) และบริโภค(อาหารสดแห้ง) แต่อเมริกาขายเครื่องจักรซึ่งมีคู่แข่งทางยุโรปและเอเซียหลายเ้จ้า ขาดดุลย์กับจีน แม้แต่กับประเทศไทยอเมริกาก็ขาดดุลย์อยู่

------------------------------------------------------------------------------------

เมื่อเงินฝืดในอเมริกา กิจการด้านเงินกู้จึงเริ่มล้มจากสถาบันขนาดกลางก่อน

มาตรการของบุชขั้นแรก(ปีที่แล้ว) "ปล่อยปลาตัวเล็กตาย-ช่วยปลาใหญ่เอาไว้"

แต่ไม่มีใครรู้หรือรู้แต่ไม่อยากบอก..คือมีอีกหลายๆวงการธุกิจเกี่ยวกับการเงิน ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง กิจการเรื่องหุ้นก็เริ่มล้ม

เช่นเมอริล ลิ้น ทำให้ธนาคาร แบ็งค์ออฟอเมริกา เข้ามาช้อนซื้อจากราคากว่า 44 พันล้าน เหลือเพียง 4 พันล้านฯลฯ(สูญค่าไป90%ของราคาจริง)

จนกระทั่งมาเมื่อต้นอาทิตย์นี้ เลย์แมนก็ขอแจ้งล้มละลาย(กฏหมายเมกาและยุโรปหลายๆประเทศบังคับให้แจ้งทันทีเมื่อสภาพเงินไม่คล่องตัว ถ้าดึงเรื่องไว้ ผู้เกี่ยวข้องโทษถึงติดคุก)

รัฐบาลอเมริกาก็เข้ามาอุ้ม อัดฉีดเพื่อให้อยู่ได้ แต่ เอไอจี(ทำกิจการเกี่ยวกับการประกันภัย) มาล้มลงอีก

คราวนี้นโยบายของบุช เปลี่ยนไป..

"ปลาใหญ่จะตาย..ไม่มีีใครช่วยได้..ต้องปล่อยให้ตาย"

เพราะมันใหญ่มากจนรัฐอุ้มไม่ไหว..เงินคงคลังก็ต้องเหลือไว้ทำสงคราม..ทหารอเมริกัีน อยู่ตะวันออกกลางก็คาอยู่ ถอนก็ไม่ได้ (อเมริกันสร้างหมู่บ้านจากท้องนาโล่งๆให้ทหารอยู่หมื่นครอบครัว ในเยอรมัน ใช้่เวลาสร้างแค่ 18 เดือนหมด เงินเท่าไร?-สร้างเพื่อให้ทหารอยู่กับครอบครัวก่อนเดินทางไปอิรัค)

/-แถมตอนนี้ นำจรวดป้องกันระเบิดติดหัวรบนิวเคลี่ยร์ของอิหร่าน มาติดตั้งในโปแลนด์อีก..

/-เกิดปัญหาแถบเทือกเขา คอเคซัส อีก(จอร์เจียน-รัสเซีย)

ฯลฯ

-----------------------------------------------------------------------------------

เรื่องการเงินครั้งนี้ ไม่ใช่แค่อเมริกา ผลกระทบนี้จะมีไปทั่วโลก..

เพียงแต่มันเหมือนคลื่น ต้องใช้เวลาเดินทาง จึงยังมาไม่ถึงไทย แต่ยุโรปเิริ่มมีผลกะทบแล้ว

กลุ่มโอเปค ลดราคาน้ำมันลงจากเมื่อาทิตย์ที่แล้ว บาเรลละ 150 ดอลล์ ลงมาเหลือ 95

เลห์แมน บราเดอร์ส (LB) เป็นสถาบันการเงินรายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐฯ ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2393 มีพนักงาน 2.7 หมื่นคน นับเป็นเสาหลักทางการเงินแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ

LB เป็นกลไกสำคัญของพันธบัตรและตราสารหนี้ รวมถึงบริการด้านการลงทุนและบริหารสินทรัพย์

สินทรัพย์ที่ว่านี้คืออสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้านที่ดินและพื้นที่อาคารสำนักงาน และสินทรัพย์ที่ว่านี้เองที่ไปเกี่ยวพันกับซับไพร์ม หรืออสังหาริมทรัพย์ด้อยหลักประกันที่มีปัญหา เพราะ LB ไปลงทุนในซับไพร์มมาก เมื่อเกิดปัญหาก็ได้แค่ตามยึดหลักทรัพย์เหล่านั้น แต่ไม่มีเงินสดมาหมุนเวียนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจการเงิน และในระบบบริหารความเสี่ยงของการเงินการธนาคารสมัยใหม่ เมื่อเกิดหนี้เสียจะต้องกันสำรองหนี้สูญ ทำให้เงินสดที่มีอยู่แทนที่จะนำไปปล่อยกู้หรือหาประโยชน์อื่น ๆ ก็ต้องกันไว้สำรองหนี้เสียที่ว่านี หากเงินไม่พอก็ต้องเพิ่มทุน ซึ่งปัญหานี้ธนาคารในไทยโดนกันถ้วนหน้าในช่วงปี 40-41 ทำให้หลายธนาคารในไทยถูกเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นรายใหญ่

LB มีการลงทุนในไทย 5 หมื่นล้านบาท เป็นการลงทุนบริหารอสังห��¸²à¸£à¸´à¸¡à¸—รัพย์ 4 หมื่นล้านบาท ทีเหลือปล่อยกู้ผ่านหุ้นกู้และให้กู้โครงการอสังหาริมทรัพย์ เป็นเจ้าของพื้นที่อาคารสำนักงาน 1 แสนตรม.รวมถึงมีจำนวนห้องพักในโรงแรมมากที่สุด (ไม่รู้ว่าข้อมูลนี้มีอะไรยืนยัน)

จะเห็นได้ว่า LB เน้นการลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์มาก เมื่อเกิดปัญหาเรื่องสภาพคล่อง การแปลงสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เป็นเงินสดทำได้ไม่ง่ายนัก แต่ถ้าพิจารณาให้ดี ๆ LB ไม่ได้ล้มเพราะหมดตัวแต่ยื่นขอล้มละลายตามกฎหมายสหรัฐฯ เพื่อให้รัฐบาลเข้ามาคุ้มครองเพื่ออัดฉีดเงินรักษาสภาพคล่องเพื่อหล่อเลี้ยง บริษัท และการยื่นล้มละลายก็ไม่ได้รวมถึงบริษัทนายหน้าค้าหุ้น (โบรกเกอร์) หรือบริษัทในเครืออื่น ๆ LB ยังคงมีสินทรัพย์อยู่ในมืออีกมากและเจ้าหน้าที่ ๆ มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่ LB มีความถนัดอยู่ โดยมีหนี้สินสูงกว่าสินทรัพย์เพียงเล็กน้อย แปลในความเข้าใจของตัวเองว่า LB แค่ขาดเงินหมุนเวียนแต่ไม่ได้หมดตัวล้มละลาย....แต่ LB เห็นอะไรในเศรษฐกิจสหรัฐฯ จึงยอมประกาศล้มละลาย

ส่วน AIG เคยมีปัญหาความถูกต้องของงบดุลทำให้ประธานต้องลาออกมาแล้วในปี 2548 และผลประกอบการมีผลกำไรที่ลดลงมาตลอด ธุรกิจหลักของ AIG คือธุรกิจประกันนั้นทำกำไรได้ดี แต่มีปัญหาที่บริษัทลูกบางแห่งที่ทำธุรกิจความเสี่ยงสูง (ไม่มีข้อมูลว่าทำธุรกิจอะไรกันแน่) มีปัญหาขาดทุน จริง ๆ แล้วมันแยกบัญชีกันคนละเล่ม ปัญหาภายในลึก ๆ คงมีมานานแล้ว

แต่มีข้อสังเกตว่า

- วันจันทร์ที่ 15 ก.ย. AIA ได้ขออนุญาตคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจวินาศภัย (ศปภ.) นำกำไรส่งไป AIG ราว 1,000 ล้านบาท และได้รับอนุมัติ

- วันอังคาร ข่าวเลห์แมนล้ม

- วันพุธ กักเงินประกัน AIA ไม่ให้นำส่งไปช่วยบริษัทแม่ที่อเมริกา

ให้อ่านเล่น ๆ ไม่มีบทวิเคราะห์ในส่วนนี้ครับ

ตอบคำถามนี้ต้องดูกันถึงแก่นจึงจะรู้ที่มาของปัญหาได้แน่นอน อาการที่ว่านี่เรียกเป็นภาษาวิชาการว่าลูกโป่งแตก ก็โดนกันมาถ้วนหน้าแล้ว และสหรัฐน่าจะเป็นประเทศสุดท้าย เหตุของอาการนี้ก็คือ การเกิดการเก้งกำไรในอสังหาริมทรัพย์ ปั่นราคากันขึ้นไปเรื่อยๆ รัฐบาลออกกฎหมายว่าจะไม่เข้ายุ่งเกี่ยวในตลาดเงินตลาดทุนตลาดโภคภัณฑ์ จะเป็นนายทุนเต็มตัวว่าอย่างนั้นเถอะ คนเก็งราคาน้ำมันอยู่ในสหรัฐกันทั้งนั้น จึงทำอะไรไม่ได้ พอเกิดเหตุการณ์เวิลเทรด บุสผู้ลูกก็ใช้เงินมหาศาลเข้าสู่สงคราม ขาดดุลเยอะแยะ เงินดอลล่าร์อ่อนปวกเปียกจนกลายเป็นกงเต๊ก เทียบกับยูโรจากแปดสิบเซนต์เป็นร้อยหกสิบหรือสองเท่าพอดี มีผลให้เศรษฐกิจตกต่ำ คนตกงานไม่มีเงินผ่อนบ้านกันทั้งประเทศ ธนาคารเลยขาดสภาพคล่อง เหมือนเมืองไทยตอนกินต้มยำกุ้งเลย ไปยึดเขามาก็ขายไม่ออก ราคาเลยตกติดดิà��™ เลย์แมนไม่มีเงินเลยเจ๊ง ส่วนเอไอจีเป็นแค่เมียน้อยพลอยรับเคราะห์ไปด้วย ต้องเข้าใจการล้มแบบนี้ว่า รัฐบาลจะต้องเข้ามาช่วยด้วยเงินมหาศาลพิมพ์เองเฉพาะคนฝากเงิน โดยให้พวกนายทุนถือหุ้นรับเคราะห์ไป หุ้นเลยราคาตกละเนระนาด แล้วก็จะมีคนอื่นมาซ้อนซื้อเอาไปฟื้นฟูกิจการเมหือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรียกแบบคนไทยว่าล้มบนฟูก มีแต่พวกผู้บริหารจะติดคดีเพรียบ ถ้าเป็นคนไทยจะหนีไปอังกฤษ อยากรู้เหมือนกันว่าพวกอเมริกันนี่จะหนีไปไหน เดาเอาว่าคงเป็นเม๊กซิโกเพราะสาวสวย

สถาบันการเงินชั้นนำของโลก อย่างเลย์แมน บราเดอร์ส วาณิชธนกิจ อันดับ 4 ที่มีผลประกอบการดีมากว่า 1.5 ทศวรรษ ได้รับผลกระทบสะสมจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ เนื่องจากวิกฤติตลาดที่อยู่อาศัยที่ตกต่ำสุดในรอบ 26 ปี และความผันผวนของราคาน้ำมันตลาดโลก มีการส่งสัญญาณมาเป็นระลอก ทะยอยปลดพนักà��‡à¸²à¸™ ออกมาเป็นระยะ ๆ โดยจะเน้นลดพนักงานในหน่วยงาน ด้านการเงินแปลงรูป อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ สินเชื่อการเคหะสำหรับผู้กู้ความน่าเชื่อถือต่ำ ( Subprime ) และหน่วยงานด้านกฎระเบียบหนี้ ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยไม่ระบุจำนวนแน่นอน กิจการที่มีการงบลงทุนสูงนับแสนแสนล้าน หากผลประกอบการดี ก็ไปรอด อยู่ได้ หากซวนเซเมื่อไร โอกาสล้มก็ง่ายเช่นกัน กับการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า จะเป็นการเล่นละครตบตาชาวโลก " ล้มบนฟูก " หรือจะเกิดปรากฎการณ์ทฤษฏีโมมิโน ทำให้มีผลกระทบไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทยอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงกันแน่

ทั้งสองแห่งเป็นสถาบันการเงินที่ทำหน้่าที่หลายด้านเช่นการฝากถอน,ให้กู้เพื่อได้ประโยชน์มาจ่ายดอกเบี้ย

อีทั้งการรับประกันวินาศภัยและประกันชีวิตที่ต้องนำเงินที่ได้มาไปปล่อยให้ผู้อื่นกู้หรือไปลงทุนในตลาดตราสาร,

หุ้น,ทรัพย์สิน,น้ำมันทองและอื่นๆเพื่อให้เกิดกำไรมาใช้จ่ายแต่เนื่องจากการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในอเมริกา

มีปัญหามา1-2ปีแล้วแต่มักปิดไม่ให้ผู้อื่นรู้เมื่อเกิดความแตกจึงทำให้เกิดการขาดสภาพคล่อง

เพราะเก็บเงินจากการปล่อยสินเชื่อบ้านระดับล่างมากไปเมื่อขาดเงินทุนมาหมุนเวียนก็เกิดปัญหาทั้งระบบครับ

อเมริกาตอนนี้กำลังฟองสบู่แตก จะมีสถานการณ์คล้ายกับเมืองไทยเมื่อ 15ปีที่แล้วที่บ้านเราฟองสบู่แตกไงคะ หลายธนาคารเจ้งทั้งหมดเลย สาเหตุก็มาจากกลไกลการตลาดและคนในประเทศปั่นราคาบ้านกันเองไงจ๊ะ