ระหว่างความเมตตากับความสงสาร คุณว่าอย่างไหนดูดีกว่ากัน?

..ความเมตตา..ค่ะ

เพราะ...เมตตาอยู่ที่การกระทำ..ส่วน..สงสาร เป็นแค่คำพูด

ความเมตตากับความสงสารเป็นของคู่กันครับ แต่ถามว่าอย่างไหนดูดีกว่ากันผมขอตอบว่าความเมตตาครับเพราะมีความหมายและมีความรู้สึกดีกว่าความสงสารครับ เพราะความสงสารจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเจอคนที่ด้อยโอกาสกว่าเรา

ความเมตตาน่าจะดูดีกว่านะ ความสงสารมันดูน่าหดหู่ใจ ดูไม่น่าภาคภูมิใจสำหรับผู้รับค่ะ แต่สำหรับตนเองชอบทั้งสองคำค่ะ ไม่รังเกียจ ต้องการคนมาเมตตา มาสงสารเยอะๆ แบบว่าขาดความอบอุ่นยังไงก็ไม่รู้ช่วงนี้

ความจริงแล้ว ผมคิดว่าคนไทยควรจะชำนาญในเรื่องนี้พอสมควรนะครับ เพราะส่วนใหญ่เรานับถือพุทธกันเยอะ

เรียนกันมาตั้งแต่เด็ก ใ้น พรหมวิหารธรรม

๑. เมตตา (ใช้ในสถานการณ์ที่คนอื่นอยู่เป็นปกติ ) คือ ความรักใคร่ ปรารถนาดีอยากให้เขามีความสุข มีจิตอันแผ่ไมตรีและคิดทำประโยชน์แก่มนุษย์สัตว์ทั่วหน้า

๒. กรุณา (ใช้ในสถานการณ์ที่คนอื่นตกทุกข์เดือดร้อน ) คือ ความสงสาร คิดช่วยให้พ้นทุกข์ ใฝ่ใจในอันจะปลดเปลื้องบำบัดความทุกข์ยากเดือดร้อนของผู้อื่น

๓. มุทิตา (ใช้ในสถานการณ์ที่คนอื่นมีสุขสำเร็จหรือทำอะไรก้าวไปด้วยดี ) คือ ความยินดี ในเมื่อผู้อื่นอยู่ดีมีสุข

๔. อุเบกขา (ในสถานการณ์รักษาความเป็นธรรมตามความรับผิดชอบต่อหน้าที่) คือ ความวางใจเป็นกลาง อันจะให้ดำรงอยู่ในธรรมตามที่พิจารณาเห็นด้วยปัญญา คือมีจิตเรà¸��ยบตรงเที่ยงธรรมดุจตราชั่ง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า เมตตา กับ ความสงสาร(หรือกรุณา) นั้น ดูดีพอๆกัน ครับ เพราะเมื่อเข้าใจได้ถูกต้อง เราก็จะเลือกใช้ได้ถูกตรงกับสถานการณ์

.

ความเมตตา น่าจะดีกว่านะคะเพราะสามารถมีให้ได้กับทุกๆ คน แต่ความสงสาร มักจะเกิดขึ้นเมื่อเราเห็นผู้อื่นมีทุกข์ เป็นเพียงความรู้สึก แต่ความเมตตา คือการกระทำ การเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ ความปรารถนาที่ดี ต่อผู้อื่น

แบบว่า เป็นคนใจอ่อน มักมีความสงสาร เป็นที่ตั้ง

จึงได้คอยช่วยเหลือผู้อื่นเป็นนิจ แต่เพราะเหตุที่ช่วยมากไปนี่แหละ

ทำให้หลายๆคน มองเป็นความจู้จี้ ส่วนความเมตตานั้น

มักเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ

ดังนั้นจึงเห็นว่าความสงสารดูดีกว่า แต่คนส่วนมากมักมองเป็นดูถูกดูแคลนมากกว่า...

"ความเมตตา" น่าจะดูดีกว่านะครับ รู้สึกดีตรงที่ไม่ต้องขึ้นอยู่กับอารมณ์ หรือความรู้สึก เป็นการทำอะไรออกมาเพื่ออีกฝ่ายโดยไม่มีความคิดที่จะหวังผลประโยชน์อะไรกลับมา ...

ทำไมต้องแยกล่ะคะในเมื่อเค้ามาคู่กัน มีความเมตตาก็ต้องมีความสงสารมีความสงสารก็ต้องเป็นคนที่มีความเมตตาเป็นคู่กันส่วนจะทำยังไงกับความเมตตาสงสารนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะบางความเมตตา สงสารแต่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้มากหรือไม่ได้เลยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งส่วนคำที่ทำให้ผู้รับรู้สึกดีก็คือคำว่าเมตตา ก็คำว่าสงสารบางครั้งผู้รับอาจคิดไปว่าเราเวทนาเค้าจะพาลน้อยใจเสียความรู้สึกเปล่าๆคะ

เราว่าความเมตตาน่าจะดูดีกว่า เพราะเราว่าความเมตตามันเป็นนิสัยที่เกิดจากภายใน

ส่วนความสงสารมันต้องมีเหตุก่อนถึงจะเกิดความสงสารและความสงสารมันเป็นอารมณ์นะเราว่า

เมตตา จะรู้สึกว่าดูดีกว่า เพราะความเมตตา เป็นความรู้สึกที่มีแต่ให้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในสภาพอย่างไร เค้าจะดี หรือแย่ แต่เราก็มีความเมตตาให้เสมอ ส่วนความสงสาร นั้นเป็นอารมณ์ประเภทหนึ่ง เกิดจากการที่เราเห็นอีกฝ่ายดูแย่ เราเห็นแล้วรู้สึกว่า อยากทำอะไรบางอย่างให้เค้า ให้เค้ารู้สึกดีขึ้น ถ้าเค้าไม่ดูน่าสงสารเราอาจเฉยๆ ไม่มีความรู้สึกอะไรต่อเค้า ดังนั้นจึงคิดว่า ความเมตตา กว้างกว่า ครอบคลุมมากกว่า จึงดูดีกว่าค่ะ