วันนี้หนูเป็นไรก็ไม่รู้ค่ะ รู้สึกเหนื่อยๆ ล้าๆ เครียดๆ เฮ้อ... เพื่อนๆเคยเป็นบ้างป่าวคะ?

"ถ้าเหนื่อนักก็พักใจไว้ที่นี่

ตรงที่มีผองเพื่อนเยือนเสมอ

แม้เหนื่อยจิตกลุ้มใจก็ได้เจอ

เพื่อนเสนอความสุขให้ไม่เว้นวัน

จิตมนุษย์ดุจลิงวิ่งวายวุ่น

รอบกายคุณทำให้ใจไม่สุขสันต์

พบทุกสิ่งมายมากหลากเหล่าพันธ์

มีทั้งวันที่เป็นสุขและทุกข์ใจ

วางทุกสิ่งสักพักจักไม่เมื่อย

ปล่อยใจเรื่อยวางลงให้จงได้

แล้วจะพบความสุขจริงยิ่งสบาย

กำลังใจจากสา-มาให้คุณ

http://www.youtube.com/watch?v=bML0RF2asZM&feature...

เป็นอะไรไปจ๊ะสา นอนดึก งานเยอะ คนกวนใจ ฯลฯ หรือยู่ดีๆก็เหนื่อย

ผ่อนคลายนะจ๊ะ มีอะไรมาเล่าให้ฟังด้วย เผื่อจะช่วยได้บ้างนะจ๊ะ

มีแม่ยายคนหนึ่งมีฐานะร่ำรวยมาก

ต้องการที่จะทดสอบความมีน้ำใจของลูกเขยทั้งสามคน

จึงพาลูกเขยคนแรกเดินเล่นที่สวนหลังบ้าน ไม่มีใครคาดคิดไว้ก่อน

แม่ยายได้แกล้งกระโดดลงไปในสระน้ำข้างทางเดิน

และตะโกนเสียงดังร้องขอให้ลูกเขยช่วย

ลูกเขยคนแรกกระโดดลงไปในสระน้ำทันที

พร้อมกับพาแม่ยายขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย

สร้า��¸‡à¸„วามพอใจให้แม่ยายมาก

>

> เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะลูกเขยคนแรกออกจากประตูบ้าน

ก็เห็นรถ BMWสีน้ำเงิน คันงามจอดอยู่หน้าประตูบ้าน

พร้อมข้อความติดอยู่ที่หน้ากระจกรถ

“ขอบใจมากนะจะ หลานเขย à¹��จ้าทำให้ข้าประทับใจ จาก....แม่ยาย”

>

>

> เช้าวันต่อมา แม่ยายได้พาลูกเขยคนที่สองไปที่สวนหลังบ้านเดียวกันน ี้

แล้วแกล้งกระโดดลงไปในสระน้ำเหมือนเดิม

> ลูกเขยคนที่สองรีบกระโดดลงไปในสระน้ำทันที

แล้วสามารถช่วยแม่ยายขึ้นไปถึงฝั่งได้เช่นกัน

สร้างความพอใจให้แม่ยายเป็นอย่างมาก

>

> เช้าวันรุ่งขึ้นขณะลูกเขยคนที่สอง ออกจากประตูบ้าน

ก็เห็นรถ BMWสีเขียว คันงามจอดอยู่หน้าประตูบ้าน

พร้อมข้อความติดอยู่ที่หน้ากระจกรถ

“ขอบใจมากนะจะ หลานเขย เจ้าทำให้ข้าประทับใจ จาก....แม่ยาย”

>

>

> เช้าวันต่อมา แม่ยายได้พาลูกเขยคนที่สามไปที่สวนหลังบ้านเดียวกันน ี้

แล้วแกล้งกระโดดลงไปในสระน้ำเหมือนเดิม แต่ลูกเขยคนที่สาม แกล้งทำเป็นไม่สนใจ

แม่ยายได้แต่ตะกุยน้ำจนหมดแรงและจมน้ำตาย

>

> เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะลูกเขยออกจากประตูบ้าน

ก็เห็นรถ Ferrari สีแดงคันงามจอดอยู่หน้าประตูบ้าน

พร้อมข้อความติดอยู่ที่หน้ากระจกรถ

>

> “ขอบใจมากนะจ๊ะ หลานเขย เจ้าทำให้ข้าประทับใจ จาก........พ่อตา”

แอบเอาใจช่วยให้หายเร็วๆ นะจ๊ะ ยิ้มเข้าไว้โลกจะได้สดใส....จุ๊บๆ

(^_^)ε^ )

เคยเป็นค่ะเวลาเครียดๆ ร่างกายมันจะล้าปรับสมดุลไม่ทัน

ยังไงต้องหาเวลาพักผ่อน กินข้าวโย๊ะๆ ออกกำลังกาย

หากิจกรรมที่ผ่อนคลาย เข้าวัดทำบุญบ้างจิตใจจะได้แจ่มใส

ส่วนเรื่องเครียดๆค่อยๆจัดการไปเป็นเรื่องๆ อย่าไปเครียดค่ะ สู้สู้จร้า

เป็นดังเช่นที่คุณเป็นดอกไม้ขาว

สวยงามยามเช้าเมื่อแรกแย้ม

เหนื่อยก็พักใจให้หายพอมีแรง

ฉันจะคอยเป็นแรงใจมอบให้คุณ

จงระลึก รู้สึกตัว แต่เดี๋ยวนี้

ไหวตรงนั้น ตึงตรงนี้ มีอยู่ทั่ว

กระทบร้อน กระทบเย็น อยู่กับตัว

เดี๋ยวปวดหัว เดี๋ยวปวดเข่า เดี๋ยวหาวนอน

เดี๋ยวคิดดี เดี๋ยวคิดร้าย ไม่วายเว้น

เดี๋ยวทำเห็น เดี๋ยวได้ยิน ดูยอกย้อน

จงระลึก รู้สึกตัว ทุกขั้นตอน

แล้วจะถอน ตัวตน พ้นบ่วงมารฯ

เคยครับแต่นานๆครั้ง ร่างกายà��¡à¸±à¸™à¸¥à¹‰à¸²à¸„รับ สาเหตุก็หลายอย่างอยู่ที่แต่ละคน

ถ้าวันไหนรู้สึกแบบนี้หากมีงานจำเป็นต้องทำก็อย่าหักโหมมากนัก ให้กึ่งพักกึ่งทำนะครับ

พยายามสงบอารมณ์ และจิตใจให้มาก มีอะไรก็ยอมยอมไปก่อน

เป็นอะไรไปจ๊ะ

คิดมาก หรือเปล่า ถ้ารู้สึกแย่ๆแบบนี้ ลองน้ำผลไม้ปั่นสดๆ แล้วอีกครึ่งชม. ตามด้วยกาแฟนะจ๊ะ จะดีขึ้นนิดหน่อย

แต่ทั้งหลายทั้งปวง ต้องปรับที่ใจหนูเอง อย่าไปให้ความสำคัญกับปัญหามากจนเกินพอดี

แต่ถ้าไว้ท์บอกว่า เปล่า หนูไม่ได้เครียดอะไรสักหน่อย .....พี่ก็อยากให้ไปช๊อปปิ้งเลยจ๊ะ สบายใจแฮ.....อิอิ

เป็นค่ะ เคยเป็น มันคงเป็นอารมณ์ปกติเมื่อมีอะไรมากระทบ

อย่าคิดมาก เดี๋ยวทุกอย่างก้อจะผ่านไปค่ะ

เป็นกำลังใจให้จ้ะ เข็มแข็งทั้งกายและใจเร็ววันค่ะ

ก็เป็นเหมือนกันเลย อากาศยังไม่สดใส แล้วหัวใจจะสดชื่นอย่างไร คงต้องพักผ่อนโดยการฟังเพลง หรือนอนพักสักหงีบนะ ร่างกายจะได้สดชื่น หาภาพหรืบรรยากาศที่สดชื่นมีดอกไม้สวยๆ ต้นไม้สีเขียวๆนะชีวิตจะสดใส เรียกว่าเติมพลังให้ชีวิต

คุณอาจจะเริ่มต้นด้วยการกลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะก่อนนะครับ ให้สังเกตจิตใจเราให้ดีว่า วันหนึ่งๆ เราอยู่กับเวลา ณ ปัจจุบัน อยู่กับสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า หรือปรากฏขึ้นในใจเวลานั้นมากน้อยแค่ไหน ถ้าพบว่า จิตใจวอกแวก ซัดส่ายไปกับอดีต อนาคต ตลอดเวลา ก็ต้องพยายามดึงจิตให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน

การอยู่กับปัจจุบันขณะ อยู่กับสิ่งที่เกิดเฉพาะหน้าเวลานั้น ก็คือการเจริญสติ ซึ่งเรามีเครื่องมือง่ายๆ คือ ลมหายใจ ให้คุณลองเอาจิตมารับรู้ลมหายใจที่เข้าและออกในปัจจุบันขณะ และทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงสิ่งเดียวในขณะหนึ่งๆ แล้วอยู่กับสิ่งที่ทำนั้นจริงๆ เช่น เมื่อกินข้าวก็จงอยู่กับคำอาหารที่กำลังกิน รู้สึกถึงรสชาติของมันอย่างเต็มที่ เวลาเดิน ก็อย่าคิดเรื่องอื่น แต่เอาความรู้สึกไปอยู่ที่เท้าที่กำลังกระทบพื้น เวลาดูหนัง ฟังเพลง หรืออะไรก็ตาม จดจ่อใจอยู่กับสิ่งนั้นๆ ที่ทำอยู่อย่างเต็มที่ ไม่ใช่กินข้าว แต่ก็คิดกังวลเรื่องงาน หรืออ่านหนังสือแต่ใจพะวงถึงเรื่องอื่นๆ

การจะมีสติในชีวิตประจำวันต้องใช้การฝึกฝนนะครับ ฝึกฝนเป็นเวลานานพอสมควรทีเดียว จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับแต่ละคนไม่เท่ากัน สำคัญว่าต้องเริ่มต้นอย่างถูกต้อง ปฏิบัติถูกต้อง ปฏิบัติจริงจัง มีความเข้าใจถูกต้องก็จะปฏิบัติได้ดี

อืม เป็น เนี้ยตอนนี้กำลังเป็นอยู่