หาดใหญ่น้ำท่วม ขอให้ช่วยกันรักษาธรรมชาติ จะได้ไม่ถูกะรรมชาติลงโทษ?

อย่าคิดว่าธรรมชาติลงโทษเลย ต้องยอมรับว่าเป็นความโง่เขลาของมนุษย์ที่ไม่รู้จักจัดการธรรมชาติ

และไม่รู้จักอนุรักษ์ธรรมชาติ อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างเข้าใจ ลองนึกดู 3 ประเด็นนะครับ

ประเด็นแรก คนเราไม่เคยนำภูมิปัญญาของคนโบราณมาใช้ ( ไม่อยากจะบอกว่า นี่แหละผลของการดูถูกภูมิปัญญาของคนโบราณ ) ถ้าเอาแบบว่าinterหน่อยก็ไม่รู้จัก Lesson Learn ในอดีต ประเด็นนี้อยากให้คนเป็นพ่อเมืองคิดนะครับว่า มีเมืองที่ไหนสร้างขวางทางน้ำ อยากให้พ่อเมืองหาดใหญ่ศึกษาจากเมืองที่ชื่อเวียงกุมกามในสมัยพ่อขุนเม็งราย นี่แสดงว่าไม่รู้จักการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ

ประเด็นที่ 2 ไหน ๆ ก็สร้างมาแล้วเคยนึกหรือไม่ว่า เราจะอยู่กับธรรมชาติอย่างเข้าใจได้อย่างไร อย่างนี้เขาเรียกว่าไม่รู้จักฟ้าจักฝน แทนที่จะนึกถึงเมืองสมัยก่อนที่มีการขุดคูรอบเมืองระบายน้ำ ก็ไม่ทำแทนที่จะ ทำช่องระบายน้ำก็ไม่ น้ำมามากแทนที่จะใช้เครื่องสูบหรือวางแผนทำประตูระบายน้ำผันน้ำออกจากคู คลองในเมืองก็ไม่ ไม่ทราบว่าพ่อเมืองพอทราบหรือปล่าวว่า เมืองหาดใหญ่มีคลองชื่อคลองแห กับคลองอู่ตะเภาขนาบข้าง

ประเด็นที่ 3 ผู้ใหญ่พูดไม่รู้จักเชื่อฟัง บทเรียนมีไม่รู้จักจำ ในหลวงทรงมีพระราชดำรัสเมื่อน้ำท่วม 10 ปีก่อน ถามว่าทำแล้วหรือยัง

นอกจากการเรียนรู้ที่จะให้อยู่ร่วมกันกับ "ธรรมชาติแบบไม่เบียดเบี่ยน" ซึ่งกันและกันให้ได้แล้ว ก็คงยังไม่เพียงพอสำหรับ "อำเภอหาดใหญ่" เป็นแน่ เนื่องจากที่ตั้งของตัวเมืองหาดใหญ่เองเป็นพื้นที่ที่เป็น "แอ่งรับนํ้าตามธรรมชาติ" ที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย นอกเส��¸µà¸¢à¸ˆà¸²à¸à¸à¸²à¸£à¸—ี่จะเรียนรู้เอาจากบทเรียนในอดีตที่ผ่านมา แล้วนำมาปรับปรุงหาทางป้องกันกันเท่านั้น ซึ่งนับจาก "นํ้าท่วมใหญ่ของหาดใหญ่" ในปี 2543 ที่ผ่านมาก็นับได้ว่าเป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่คุ้มค่ายิ่งแล้ว เพราะหลังจากนั้น หน่วยงานต่างๆต่างได้น้อมรับ "แนวตามพระราชดำริ" มาเป็นแนวทางในแก้ไขปัญหาตามบทเรียนที่เกิดขึ้นมาแล้ว จนสามารถลุล่วงไปได้มาก ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง "แก้มลิง" เป็นที่เก็บกักนํ้า หรือการ "ขุดลอกคูคลอง" สร้างทางระบายนํ้าให้ออกสู่ทะเล ในที่สุดเมื่อเกิดนํ้าท่วมกันอีกครั้งในปีนี้จึงทำให้สามารถระบายนํ้าออกไปได้อย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่เป็นสถานการณ์ที่รุนแรงมากกว่าครั้งนั้นเสียอีก นี่ก็นับว่าเราเริ่มที่จะเรียนรู้จากบทเรียนในอดีต และเริ่มที่จะเรียนรู้ที่จะอยู่กับ "ธรรมชาติ" ให้ได้กันบ้างแล้ว และเชื่อว่าสักวันเราก็คงจะสามารถแก้ไขปัญหา "นํ้าท่วมหาดใหญ่" ในแบบยั่งยืน และเป็นรูปธรรมได้มากยิ่งขึ้นไปกว่านี้อย่างแน่นอน เพียงแต่เราต้องตระหนักถึงความสำคัญของ "ธรรมชาติ" กันให้มากกว่าที่เป็นอยู่นี้ด้วยเท่านั้น...กันล่ะครับ

หาดใหญ่เป็นเมืองเศรษฐกิจ เป็นย่านการค้า ทำให้มุลค่าความเสียหายของสิ่งของที่ถูกน้ำท่วมสูงมาก

มนุษย์ไม่สามารถหลีกเลี่ยงภัยธรรมชาติได้ แต่สามารถป้องกันความเสียหายได้โดยไม่ประมาท

เช่น ขนย้ายสิ่งของไว้ในที่ปลอดภัยก่อนล่วงหน้า ถือเป็นบทเรียนราคาแพงน่ะ สำหรับคนที่ไม่ได้

ป้องกันไว้ก่อน อย่างไรก็เกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว ขอให้ชาวหาดใหญ่ทุกคน

สู้ต่อไปน่ะค่ะ

ดิฉันก็จะช่วยรักษ์ธรรมชาติด้วยคนค่ะ

มันท่วมกันทั้งนั้นแหละไม่ใช่มีที่เดียวมันอยู่ที่เราเอาชนะมันไม่ได้ แต่แทนที่พอจะรู้ทันและดักหน้าได้ไม่มีใครสนเลย ประก่ศก็ออกมาตั้งเยอะแยะแล้วนี่ หรือค้องรอให้ยางตกอีกกี่ที