มุมมองความรู้สึกส่วนตัว?

ก็เป็นแบบที่คุณเข้าใจแหละครับ แต่จริง ๆ แล้วมันมีระบบแบบนี้มานานแล้ว ผมสังเกตุดูในรายการของเงินที่จ่ายไป

จะมีคำที่เขียนว่าื "ค่าบำรุงสถานศึกษา" แต่ตอนนั้นเรียกเก็บเป็นเงินไม่มาก แต่ตอนนี้คงจะเยอะเอาการ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้น่ะครับ เพราะมันกลายเป็นวัฒนธรรมแล้ว

นั่นสินะ...เน้นพาณิชย์มากเกินไป

มีคำว่าจรรยาบรรณ บังหน้าไงล่ะ

จะไม่ให้คิดได้ไงจากผลการเรียนของหลานที่ออกมาไม่ดี พอให้เรียนพิเศษที่โรงเรียนคะแนนดีขึ้นทันทีแต่ถ้ามองในแง่ดีเด็กอาจได้รับการเรียนรู้มากขึ้นก็ได้ แต่ถ้ามองในแง่ร้ายแล้วในชั่วโมงเรียนครูทำอะไรกันอยู่?

เป็นภาพรวมที่ชัดเจน สะท้อนลักษณะร่วมกันอย่างหนึ่งของคนกลุ่มใหญ่ในสังคมเราที่ตามกระแส

เพราะถ้า��ม่ตาม สู้เค้าไม่ได้ ทำไงหล่ะคะ พ่อแม่ทุกคนก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก ถ้ามีความพร้อม จริงมั๊ยคะ

เด็กไทยที่พร้อม ก็พร้อมกัน แบบว่า แค่อ้าปากค่ะ ทุกอย่างได้รับการเตรียมไว้อย่างดี ไม่ต้องดิ้นรนกระเสือกกระสนไขว่ขว้าอะไรเท่าไหร่ อันนี้ก็อาจจะไม่จริงทั้งหมด แต่ดิฉันหมายถึงหลักสูตรอะไรต่อมิอะไร โรงเรียนจัดให้ แบบไม่ต้องถามเด็กซักคำว่า พร้อมหรือยัง นึกถึงอะไรดี เหมือนอยู่เฉย ๆ ไว้ ดีเอง เค้าบอกให้ทำอะไร ก็ทำ ๆ ไปหน่ะ

ไม่แต่เด็กหรอก บุคคลากรทางการศึกษาก็ร่วมอยู่ในกระแสนี้ด้วย ไม่อย่างนั้น เดี๋ยวจะได้รับคำค่อนว่าหัวแข็งมาจากไหน

เต็มที่หรือไม่เต็มที่ ดิฉันว่า เด็กรู้สึกว่าความรู้ที่จะต้องเรียนรู้ท่องจำเพื่อเอาไปสอบมันทะลักเป็นอุทกภัยอย่างไงอย่างงั้น โดยที่พวกเค้าไม่รู้เลยว่า เรียนไปทำไม

กระแสหลักค่ะ

แต่อย่างน้อย อย่างน้อย(จริงจริ๊ง) ก็ยังมีโรงเรียนส่วนน้อย ที่ไม่โหดร้ายทารุณกรรมกับเยาวชนตาดำ ๆ แบบกระแสหลักค่ะ เราจึงควรสนับสนุน หรือไม่ก็ สอนลูก ๆ ตัวเอง ให้มีความคิดความอ่านที่มีแบบฉบับ ไม่ต้องไปตามเค้าต้อยต้อย เพราะตามตามกันแบบนี้ ตกขอบกันโม๊ดดดด

เห็นด้วยค่ะ และรู้สึกเซ็งมากในฐานะผู้ปกครองที่ต้องเข้าสู่วังวนของเรื่องนี้เช่นเดียวกับผู้ปกครองคนอื่น เพราะหวังจะปูทางในอนาคตให้ลูก

โรงเรียนของลูกสาวจัดกิจกรรมนอกโรงเรียนบ่อยมาก จัดในช่วงเวลาที่เราจ่ายค่าเทอมไปแล้วแต่กลับมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นมา(ทุกครั้ง)อย่างไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่ เคยคุยกับทางโรงเรียน กล��ยเป็นมีเราคนเดียวที่เห็นปัญหา คนอื่นไม่มีใครว่าอะไร ตรวจสอบกับโรงเรียนอืนๆ ทุกที่ก็เป็นคล้ายๆกัน เราก็เลยเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม

เด็กๆก็เหมือนต้องแข่งขันกันอย่างมาก ยิ่งครอบครัวไหนหวังในตัวลูกสูงๆ ก็จะอัดฉีดสารพัดความรู้เพิ่มเติมให้ลูก

เด็กต้องเรียนพิเศษจนไม่เคยมีเวลาได้เล่นหัวเหมือนเด็กทั่วไป เข้าใจคนเป็นพ่อแม่และเห็นใจเด็กๆมาก

ปกติที่เด็กไปเรียนกวดวิชาก็มีอยู่ 2 สาเหตุด้วยกันค่ะ คือ ไม่เข้าใจในห้องเรียน หรือเพื่อเอนทรานซ์ ส่วนไปกวดให้ไปเก่งเหนือคนอื่นนั้น ดิฉันเห็นว่าไม่จำเป็นและไม่สนับสนุน

ที่ว่ามาน่ะถูกทุกข้อ