ขอคำแนะนำเกี่ยวกับค่าเลี้ยงดูพ่อแม่.....?

คุณเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่ได้แต่งงานกับผู้ีชายที่จิตใจดี มีความกตัญญู แฟนคุณเป็นชายในอุดมคติที่ผู้หญิงนับล้านๆคนในโลกนี้ใฝ่ฝัน

จากเรื่องที่คุณเล่ามา ดิฉันเข้าใจดีคะถึงความรู้สึกที่ไม่เป็นธรรมของคุณ ในที่นี้ดิฉันไม่อยากบอกให้คุณพูดกับแฟนว่าควรจะลดการส่งเงินให้พ่อแม่เค้า หรือว่าจะให้พี่น้องของเค้ามารับผิดชอบเท่าๆกัน เพราะดูแล้วถึงคุณพูดไปมันก็จะเป็นการทำให้แฟนคุณรู้สึกไม่สบายใจเปล่าๆ เพราะว่าสิ่งที่พี่น้องเค้าทำอยู่ในขณะนี้เค้าก็ทราบดี และเต็มใจที่จะส่งเงินให้พ่อแม่เค้าตามกำลังที่คิดว่าเค้าส่งไหว

ณ ขณะนี้ดิฉันอยากให้คุณลองมองอีกมุมนึงตามหลักของศาสนาพุทธคะ คาดว่าคุณจะเป็นชาวพุทธเช่นกัน การที่แฟนคุณเป็นคนกตัญญูเช่นนี้และพยายามทำทุกอย่างเพื่อพ่อแม่ ในความเป็นลูกกตัญญของเค้า เชื่อเถอะคะว่าสิ่งที่เค้าทำทั้งหมดมันจะเป็นผลดีย้อนกลับมาหาตัวเค้าและคุณอย่างแน่นอน ถึงวันนี้คุณยังไม่เห็นผลแต่ดิฉันเชื่อว่าคุณจะต้องได้รับผลตอบแทนอันมีค่านั้นแน่นอนคะ

ส่วนเรื่องอนาคตอย่างเพิ่งเก็บมันมาคิดเลยคะ มันยังมาไม่ถึงเลย ถ้าคุณเก็บมันมาคิดคำนึงอยู่อย่างนี้ คิดไปไกลถึงตอนที่จะมีลูก มีค่า้ใช้จ่าย ค่านม ค่ายา และอีกจิปาถะ คนที่จะไม่สบายใจก็คุณเองนั่นแหละคะ และเมื่อคุณย้ำคิดย้ำทำอยู่อย่าง���ั้้น จิตใจคุณก็จะเศร้าหมอง ทำให้หาความสุขไม่ได้ มันจะเป็นตัวทำให้เกิดความรู้สึกที่แย่และจะส่งผลให้ชีวิตคู่ของคุณไม่ราบรื่น

ทำบุญกับพ่อแม่บุพการี ดีกว่านำเงินไปสร้างโบสสร้างวิหารเป็นล้านๆเท่า ทำเถอะคะถ้าวันนี้คุณและแฟนคุณยังทำได้ และีมีโอกาสได้ทำ มันเป็นการเก็บสะสมบุญบารมีเอาไ้ว้ยามเราไม่มีโอกาสได้ทำคะ อย่าต้องมานั่งเสียใจในภายหลังว่า ทำไมตอนมีโอกาสกลับไม่ยอมทำ ปล่อยพี่น้องของแฟนคุณไปเถอะคะ เค้าจะทำหรือไม่ทำก็สุดแท้แก่ตัวพวกเค้า ใครทำอะไรไว้ก็ย่อมได้รับสิ่งนั้นตอบแทน เก็บสะสมความดีอันนี้ไว้ เมื่อไหร่ที่คุณมีลูกมีหลานเค้าจะได้ไม่ทอดทิ้งคุณและแฟนคุณ เ่ช่นคุณและแฟนคุณได้ทำอยู่ในขณะนี้

จากการได้อ่านเรื่องของคุณ ดิฉันเชื่อว่าคุณก็เป็นคนที่จิตใจดีคนนึงเช่นกัน ไม่งั้นแล้วคุณก็คงไม่เก็บเรื่องทั้งหมดมาคิดและทำให้ไม่สบายใจ จนต้องเข้ามาขอคำแนะนำในนี้หรอกคะ คุณคงตัดสินใจทำอะไรไปแล้วแน่นอน

ดิฉันขออวยพรให้คุณมีชีวิตที่ราบรื่น มีความสุข และได้รับผลบุญในสิ่งที่คุณได้คิดและปฏิบัติดีอยู่ ณ เวลานี้นะคะ

เมื่อถึงเวลานั้น เวลาที่มีลูก จะได้อภิชาติบุตร

สิ่งที่คิดว่าไม่มีไม่พอ มันจะมีมาจนอัศจรรย์ใจ

คุณโชคดีนะครับที่ได้แฟนรักบุพการี โบราณเขาไว้คู่ของเราเป็นคนดีแค่ไหนให้ดูการกระทำที่ปฏิบัติต่อบุพการี

คุณอาจจะลองพูดความจำเป็นต่อไปในภายหน้าให้สามีลองฟังก่อนก็ได้นะครับว่าถ้าครอบครัวของเราขยายขึ้น ความจำเป็นในการใช้จ่ายก็มากเป็นเงาตามตัว ลองจัดสรรค่าใช้จ่ายที่คุณและสามีคิดว่าจำเป็นต้องใช้ต่อเดือน เป็นรายจ่ายที่แน่นอนไม่สามรถลดได้ (ซึ่งก็มีแต่จะเพิ่ม) กันไว้ก่อน หรือไม่ก็ลองใช้แบบระบบกระเป๋าใครกระเป๋ามันก็ได้นะครับเช่นค่าใช้จ่ายเรา 2 คนต้องลงกองกลางไว้ (ในที่นี้อาจจะเป็นค่าเช่า กินอยู่ น้ำไฟ ค่าใช้จ่ายจำเป็นต่าง) ส่วนเหลือก็จัดสรรไว้ตามแต่ละฝ่ายที่ต้องการ ทางสามีก็สามารถให้กับทางบุพการีได้โดยไม่แตะต้องส่วนกลางซึ่งนั่นก็เป็นค่าใช้จ่ายที่แท้จริง ส่วน จขกท. ก็สามารถออมเงินไว้ภายภาคหน้าเผื่อความจำเป็นด้วยครับ

ก็ลองพูดสอบถามดีๆ เรื่องแบบนี้พูดได้แต่ต้องพูดดีๆ คุณคิดอย่างไร แค่ถามก่อนคงไม่ผิดหรอกมั้ง กลับกันถ้าเราเป็นพ่อแม่คนมีลูกหลายคน และลูกบางคนกำลังจะมีหลานให้ เราก็คงจะออกปากให้ส่งให้น้อยลงหน่อยก็ได้นะ แต่ตอนนี้คุณยังไม่ได้ท้อง ก็อย่าเพิ่งไปกังวลอะไรมาก สามีภรรยาเปิดใจคุยกันได้ ส่วนพ่อแม่สามีคุณต้องให้เกียรติสามีจัดการเองอ่ะ คุยกันเองเงียบๆก่อน แล้วก็จะทราบว่าเขาคิดอย่างไรเอง

ที่แล้วก็แล้วไปนะ การให้กะพ่อแม่เขาก็เหมือนอกเขาอกเรา ถ้าเราเป็นสามีก็คงทำแบบนั้น ทางแก้ก็คือ คุณน่าจะคุยกะสามีดีๆ ไม่ต้องไปกลุ้มอะไร ชี้แจงเหตุผลที่ว่ามากับเขาไป เขาน่าจะเข้าใจ แต่การไปบอกบอกมีเยอะให้เยอะ มีน้อยให้น้อย ดูไม่ค่อยดีเท่าไร ถ้าจะลดลง คุณคิดว่าเท่าไรคุณถึงจะพอใจ พ่อแม่เขาก็เหมือนพ่อแม่เราไม่ใช่เหรอ ลดไม่มากนักก็เข้าท่ากว่า ลดเหลือสองพัน ไม่รู้นะ แล้วแต่คุณ แต่ถ้าเราจะลด ก็คงไม่มากขนาดนั้น หรือว่าสักห้าพันกำลังดี คุณจะว่ามากไปหรือเปล่า เราว่าสามีคุณอาจจะอึดอัด นี่แค่มุมองคนนอกจ้ะ

มุมมองของผม อาจจะถูกหรือผิดไม่ทราบได้ แต่หากในใจลึกๆแล้ว พ่อแม่ท่านเองก็

คงไม่ต้องการอะไรจากเรามากมายหรอกครับ เพราะ หลายๆครั้งที่ผมเองพยายามนั่ง

คิดเพื่อที่จะตอบคำถามแทนสามีของคุณในฐานะของผู้ชายคนนึง ผมเองก็นึกว่าจะ

เอาประเด็นใดมาตอบให้คุณฟังดี ไงก็เอาแบบนี้นะครับ หากคุณเองเคยอ่านหรือผ่าน

ตากับกลอนบทนี้ มันน่าจะสะท้อนอะไรได้บ้าง

ยามแก่เฒ่า หมายเจ้าเฝ้ารับใช้ ยามเจ็บไข้ หมายเจ้าเฝ้ารักษา

ยามเมื่อถึงวันตายวายชีวา หวังลูกยา ช่วยปิดตา ยามสิ้นใจ

ผมเชื่อว่าความกตัญญูรู้คุณของ สามีของคุณนับว่าประเสริฐมาก ซึ่งหาได้ยากยิ่งครับ

แต่ด้วยในเรื่องของจำนวนเงิน ผมเองไม่อยากให้คุณต้องไปคิดอะไรมากมายครับ

เพราะหากคุณเองเอาจำนวนเงินมาเทียบกับสิ่งที่สามีคุณเสียไปผมว่าไม่น่าเอามาเทียบ

นะครับ เพราะหากพี่น้องเขาวันนี้เอาเงินหมื่นมาให้พ่อแม่ แล้วสามีคุณเองต้องเสียเงิน

หมื่นเท่าเทียมกับ พี่น้องคนอื่นๆ คุณเองจะคิดแบบไหนครับ แต่ด้วยวันนี้เผอิญว่าสามีคุณ

จ่ายมากกว่า จึงก่อให้เกิดความรู้สึกที่คิดว่าเป็นการเหลื่อมล้ำกัน จนกลายเป็นสิ่งที่คุณ

เองเอากลับมาเป็นทุกข์ในที่สุด

หากถามว่า ทุกวันนี้ไม่มีเงินเก็บ เงินไม่พอใช่หรือหมุนเวียนในครอบครัวจะแก้ปัญหา

อย่างไร หากผมถามว่าปัญหานี้ สมมุติว่าเหมือนหรือคล้ายกับการเป็นหนี้บัตรเครดิตที่

ทุกเดือนก็จะมีการเรียกเก็บที่เราต้องหา โดยหากเรามีก็ส่งไปหากไม่มีก็ผ่อนขั้นต่ำ ไง

ก็ยังสามารถที่จะทุเลาปัญหาลงได้ใช่หรือไม่ โดยผมเองเชื่อของผมเองว่า คนเรายิ่งอยู่

ยิ่งมีค่าตัวที่แพงขึ้น (เงินเดือนขึ้นมากบ้างน้อยบ้างทุกปี) ไงก็ในปีถัดๆไปเราก็ไม่ได้จ่าย

เงินให้กับพ่อแม่ที่มีราคาสูงขึ้นไปหรอกครับ ท่านได้แค่ไหนก็คงแค่นั้น แต่ด้วยที่บอกไป

แล้วว่าส่วนลึกๆ ท่านเองไม่ได้ไปยึดติดกับจำนวนเงินที่ลูกให้หรอกครับ แต่ไงก็ลูกๆเอง

ต่างหากที่คิดว่า จะเลี้ยงพ่อแม่ได้ตามอัตภาพของครอบครัวของลูกๆ และครอบครัว

ของท่านเองอย่างไรมากกว่า

วันนี้หากคุณเองคิดไม่ตก ผมแนะนำว่าเรียกสามีคุณมาอ่านคำถามที่คุณตั้งขึ้นแล้วให้เขา

รับเอา คำแนะนำจากเพื่อนสมาชิกทุกคนในรู้รอบไปประยุกต์ใช้ให้เกิดความลงตัวไงผมคิด

ว่าคำตอบทุกคำตอบน่้าจะเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อยตามสมควรนะครับ

เห็นด้วยกับคุณ Jea นะคะ

จริงๆผู้ใหญ่ท่านรู้นะ ลูกทำงานอะไร?ควรจะได้เงินเดือนเท่าไหร่?มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง? แต่เมื่อท่านถาม..แฟนคุณกลับไม่พูดถึงความเดือดร้อน...ไม่แน่ว่า ท่านก็อาจจะเก็บออมเงินที่ส่งไปให้ไว้ในยามฉุกเฉินก็ได้

และเผลอๆ เมื่อถึงเวลาที่คุณอุ้มท้องและคลอดลูก.. ไม่แน่ว่าพ่อแม่สามีอาจต้องมาอยู่กับครอบครัวคุณเพื่อช่วยผ่อนปรนภาระทางบ้าน ทั้งการเลี้ยงดูเด็กอ่อน, การช่วยดูแลบ้านช่อง ฯลฯ ด้วยซ้ำ(ถึงเวลานั้น เงินที่ส่งเดือนละหมื่นก็อาจจะลดลง เพียงแต่ให้มีติดกระเป๋าไว้เผื่อใช้สอยได้ตลอดเพราะอยู่ร่วมบ้านเดียวกันแล้ว)

จะมีใครที่จะรักและดูแลลูกเราดีเท่าพ่อแม่เราอีกล่ะคะ?

ดีไม่ดีจะกลายเป็นว่า พ่อแม่สามีอาจเป็นผู้มาช่วยออกค่าใช้จ่ายให้หลานซะอีก เพราะไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากเห็นลูกหลานลำบากหรอกค่ะ

ถึงเวลานั้นคุณอาจนึกถึงวันนี้แล้วคิดได้ว่า"ไม่น่าวิตกกังวลไปก่อน"เลยด้วยซ้ำ

ดิฉันว่า กลับจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบอบอุ่นยิ่งขึ้นด้วยซ้ำนะคะ ^^o

หนูว่าเราหารายได้เสริมทางอื่นดีไหมคะ? ค้าขายเล็กๆ น้อยๆ บอกแล้วเกิดสามีไม่พอใจล่ะคะ ยังไงก็พ่อแม่เค้าน้า เราน่าจะมีทางหารายได้ทางอื่นนะคะ