Yahoo Answers is shutting down on May 4th, 2021 (Eastern Time) and beginning April 20th, 2021 (Eastern Time) the Yahoo Answers website will be in read-only mode. There will be no changes to other Yahoo properties or services, or your Yahoo account. You can find more information about the Yahoo Answers shutdown and how to download your data on this help page.

ใครเชี่ยวชาญเรื่องบัตรเครดิตบ้างครับ?

ผมอยากทราบว่า การใช้บัตรเครดิต มีข้อดี และข้อเสีย อย่างไรบ้าง

เรื่องมีอยู่ว่า ผมซื้อของทุกชนิดด้วยเงินสดมาโดยตลอด ไม่เคยทำบัตรเครดิตทุกชนิด ใครมาชวน(เขาจะได้500บาท)ผมก็จะบอกว่า ผมตกงาน กำลังหางานทำอยู่

คราวนี้ มีผู้วานให้ผมเอาบัตรเครดิตไปช่วยใช้ให้หน่อย เขามีอยู่หลายใบ(ให้เซ็นชื่อเขาได้เลย) โดยให้ผมโอนเงินเข้าบัญชีให้ในตอนสิ้นเดือน ซึ่งเขาบอกว่า เป็นวิธีหาเงินสดใช้ และได้แต้มแลกของขวัญได้ด้วย เคยเห็นเขาได้ ตู้เย็น วิทยุ และได้คืนเป็นเงินสดอีกด้วย

ซึ่งผมไม่เข้าใจครับ

Update:

ผมเคยใช้เติมน้ำมัน แล้วผมไปเข้าห้องน้ำ ฅนขับรถเขาเซ็นชื่อของเขาเองลงไปในสลิป(ด้วยความไม่รู้) ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลยนี่ครับ

ถ้าเจ้าของบัตร ยอมจ่ายเงิน ไม่ทักท้วงอะไร

Update 2:

ผมไม้ได้อยากได้อะไร และไม่เคยเรียกร้องอะไรครับ เพียงแค่ช่วยเหลือกัน เขาขอให้ช่วยเอาไปใช้ให้หน่อย เพราะเขามีอยู่หลายใบ

สำหรับตู้เย็นที่ได้เป็นของขวัญมานั้น เขายกให้ผมครับ

Update 3:

ข้อมูลความมั่นคงของเจ้าของบัตร ผมมีทุกอย่างครับ

เชื่อใจกัน ขนาดยืมเงินกันได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องมีหลักฐานครับ

Update 4:

ได้ทราบมาว่า ถ้าเราสมัครแล้ว ก็จะมีพนักงานของบัตรอื่นๆ โทร.มาขอให้สมัครอีกมากมาย คาดว่ามีการประสานงานขอเบอร์โทร.กัน

บ้างก็ชวนให้กู้เงิน โดยอ้างว่า ดอกเบี้ยถูก ซึ่งน่ารำคาญมาก

10 Answers

Rating
  • 9 years ago
    Favorite Answer

    ข้อดี

    1.การใช้บัตรซื้อสินค้าหรือกดเงินสด จะได้แต้มจากยอดใช้จ่าย หรือ เงื่อนไขใช้จ่ายกับร้านค้าไหน เช่น ใช้ที่เดอะมอลล์ได้แต้มพิเศษ x2

    2.แต้มที่ได้เอาไปใช้ซื้อสินค้าลดราคาหรือแลกสินค้า คูปอง อะไรต่างๆ กับ ธนาคารเจ้าของบัตรเครดิตนั้นๆ

    3.การใช้บัตรคือการทำธุรกรรมการเงิน 3 ฝ่าย คือ คุณ คนขาย และธนาคารที่ออกบัตร สามารถยกเลิกการชำระหากว่าสินค้าที่ซื้อผ่านอินเตอร์เน็ท แล้วไม่ตรงตามโฆษณาได้

    4.สิทธิประโยชน์อื่นๆ ส่วนลดเติมน้ำมัน ส่วนลดร้านอาหาร หรือ คุ้มครองการเดินทางต่างประเทศ

    5.ถ้าเป็นคนมีวินัยการใช้จ่าย แทนที่จะใช้เงินอนาคต ก็เอาเงินไปฝากธนาคารก่อน(สมุดบัญชีสวยงาม) แล้วใช้บัตรซื้อสินค้า เมื่อถึงเวลาชำระ ก็ไม่มีปัญหาเรื่องการถูกปรับหรือเสียประวัติ

    6.สะดวก ไม่ต้องพกเงินมากมาย

    ข้อเสีย

    1. ถ้าทำหาย ใครๆ ก็ใช้ได้ อย่างที่คุณแจ้งไว้ คือคนขับรถเซ็นชื่อแทนนั่นแหละ นี่เป็นเรื่องจริง และอันตรายมาก

    สิ่งแรกถ้าบัตรหาย ต้องอายัติกับธนาคารทันที

    2.ทำให้ใจง่ายขึ้น เพราะเราใช้เงินอนาคต ถ้าไม่มีวินัย หนี้บานเบอะ

    3.บัตรบางใบ ถ้าไม่มียอดใช้ จะมีค่าบริการรายปี เสียตังค์เปล่าๆ ถ้ามีหลายใบใช้ไม่ทัน ต้องคอยโทรเวบค่าบริการรายปี

  • 9 years ago

    บัตรเครดิต ถ้าเจ้าตัวเขาอนุญาตให้ใช้ได้ ก็ใช้ได้ในหลายกรณี เช่นซื้อของทางโทรศัพย์ จ่ายค่าอาหารตามร้านอาหาร ซื้อของจุกจิกเล็กๆน้อยๆ หรือ ใช้ซื้อของทาง Internet เพราะมีข้อมูลพร้อมแทบทุกอย่างที่ปรากฏในตัวบัตรอยู่แล้ว

    ที่ไม่มี คือข้อมูลความมั่นคงของเจ้าของบัตร เช่น ที่อยู่ ระหัดไปรษณีย์ของเจ้าของบัตร ตัวเลขสี่ตัวท้ายของบัตรประกันสังคม หรือบัตรป��¸£à¸°à¸ˆà¸³à¸•à¸±à¸§ หรือวันเดือนปีเกิด หรือหมายเลขของบัญชีภาษีการค้าของเจ้าของนัตร ถ้ารู้คำตอบต่างๆเหล่านี้ ก็เป็นการยืนยันที่เพียงพอแก่ผู้เกี่ยวว่า ผู้ใช้บัตรมีสิทธิ์ใช้บัตรนั้นได้ เพราะเป็นเจ้าตัว หรือผู้ใกล้ชิดกับเจ้าของบัตร เช่นคนในครอบครัวเดียวกัน เป็นลูกจ้างที่มีสิทธิ์ใช้บัตรนั้น หรือใครที่เป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ "วงใน" ของบัตรใบนั้น ในหลายกรณี แม้จะไม่เห็นหน้า และไม่จำเป็นต้องเซ็นชื่อเวลาใช้ ก็ยังรับได้

    บางกรณีที่ใช้บัตร ก็ต้องแสดงบัตรประจำตัวที่มีรูปถ่ายของเจ้าของบัตรด้วย ถ้าไม่ใช่ฝาแฝด คงจะใช้ไม่ได้ แต่ถ้ามีบัตรประจำตัวของเจ้าของบัตรกำกับด้วย แม้หน้าตาไม่เหมือนกัน หรือคนละเพศกัน ก็อธิบายให้เขาฟังได้ว่า ทำไมจึงใช้บัตรใบนั้น ถ้าพ่อค้าแม่ค้าพอเชื่อใจเรา ยินดีให้เซ็นชื่อแทนกันได้ ก็ยังอาจใช้บัตรนั้นได้ อยู่ที่ความเชื่อใจของทุกฝ่าย ที่จะเสี่ยงกับวงเงินจำนวนนั้นหรือไม่เท่านั้น

    ถ้าเจ้าของบัตรไม่ทักท้วงไปที่ธนาคาร หรือบริษัทผู้ออกบัตร ปฏิเสธรายการใดๆ ที่ปรากฏในใบรายงานรอบเดีอน แต่ชำระเงินตามเงื่อนไขอย่างปกติ ก็ไม่มีอะไรในกอไผ่

    แต่ถ้าเจ้าของบัตรทักท้วงไปที่ธนาคาร หรือแจ้งความต่อตำรวจหลังจากที่ใช้บัตรนั้นแล้ว ว่าบัตรนั้นถูกขโมย หรือหาย หรือมีคนแอบเอาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็จะมีการสอบสวนกันขึ้นมา ผู้ใช้บัตรโดยไม่มีสิทธิใช้ คงจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ก่อนว่า จะต้องย้ายสัมมะโนครัวไปนอนในคุก หรือนอนนอกคุก ในอนาคตอ้นใกล้นั้นก็คงได้ ครับผม

  • 9 years ago

    ถ้าคุณเป็นคนมีวินัยทางการเงิน การใช้บัตรเครดิตนับว่ามีข้อดีมากกว่าข้อเสียค่ะ

    เพราะสะดวกกว่าในการการจับจ่ายใช้สอย ไม่ต้องพกเงินสด ไม่ต้องคอยตรวจนับเงินจ่ายเงินทอน

    ดิฉันเลือกใช้บัตรที่ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี เช่น กรุงไทย กรุงศรี จึงไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ

    ทุกสิ้นเดือนจะมีใบแจ้งยอดการใช้บัตรประจำเดือนมาให้ ต้นเดือนก็นำเงินไปชำระ หรือไม่ก็ให้เขาตัดบัญชีอัตโนมัติตามยอดที่แจ้งมา

    สำหรับบัตรที่ใช้อยู่ โดยปกติทุก 20-30 บาท ของการใช้จ่ายเขาจะสะสมคะแนนให้ 1 แต้ม

    และในการซื้อของตามโบชัวร์ส่งเสริมการขายที่เขาส่งมาให้ก็มักจะมีรายการผ่อนชำระโดยไม่เสียดอกเบี้ยหรือแลกแต้มเพื่อซื้อของ เช่น

    สินค้า 3,000 บาท ผ่อนชำระ 6 เดือน @ 500 บาท

    หรือ ใช้คะแนนสะสม 10,000 คะแนน + 2,000 บาท ผ่อนชำระ 4 เดือน @ 500 บาท

    หรืออาจใช้คะแนนสะสมในการแลกซื้อของตามร้านค้าที่เขากำหนดก็ได้ค่ะ ทุก 1,000 คะแนน = 100 บาท

    ดิฉันเคยใช้คะแนนสะสมแลกซื้อมือถือที่บลีสเทล ได้ส่วนลดมาประมาณ 2,000-3,000 บาท เหมือนกัน

    แต่การแลกคืนเป็นเงินสดไม่มีค่ะ บัตรแต่ละที่คงมีเงื่อนไขที่แตกà¸��่างกันไป

    สรุปว่า ถ้าคุณเป็นคนมีวินัยทางการเงิน การใช้บัตรเครดิตย่อมมีข้อดีมากกว่าข้อเสียค่ะ

  • 9 years ago

    สำหรับเรา ( เรามีพฤติกรรมการใช้เงินคล้ายคุณนะ ) .. บัตรเครดิตมีประโยชน์สำหรับคนที่มีวินัยทางการเงิน

    หากคุณมีสติยับยั้ง มีวินัยทางการเงินพอ เราว่าควรทำติดกระเป๋าไว้สักใบ อนาคตไม่แน่นอนนะ สมมตินะ ( กรุณาอย่าคิดว่าแช่ง) หากคนที่คุณรักมีอุบัติเหตุต้องเข้า ร.พ การระดมเงินแบบฉุกละหุกอาจไม่สะดวกเท่าการรูดบัตร... ต.ย ที่ 2 หากคุณมีรายการที่ต้องใช้จ่าย การใช้บัตรก็จะมีคะแนนไว้แลกของ คล้ายกับที่เพื่อนคุณได้ของนั่นแหละ แต่ของกำนัลบางชิ้นก็ต้องใช้การแลกอย่างเข้มงวดซึ่งคุณอาจอดไป ทั้ง ๆที่เป็นคนใช้จ่ายและควรได้ของนั้น หากจะใช้บัตร ไม่จำเป็นต้องใช้ของคนอื่น เพราะบางที่เขาก็ตรวจลายชื่ออย่างเข้มงวด หากไม่ใช้แล้วเขาไม่อนุมัติ หน้าจะแหกเอาซะเปล่��¸² ๆ แถมอาจโดนมองว่าไปขโมยบัตรมา..

    เรื่องความมั่นคงของเจ้าของ..เราไม่ห่วง เพราะหากมีการทวงหนี้ ธนาคารจะไปทวงกับเจ้าของบัตร ( ซึ่งคุณรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้เขาไปแล้ว ) จะมีก็แต่ .. สมมตินะ.. เขาหน้ามืด หมุนไม่ทันก็อาจปฏิเสธการเรียกเก้บเงิน ( เบี้ยวหนี้ ธนาคาร ) แล้วบอกว่าบัตรหาย...

  • How do you think about the answers? You can sign in to vote the answer.
  • 9 years ago

    ขอเพิ่มเติมจากคุณแสงจันทร์อีกหน่อยคะ เมื้อเวลาได้รับ statement (ไม่จำเป็นจะต้องเป็นตอนสิ้นเดือนเสมอไป แต่ละธนาคารมีวันตัดบัญชีเครดิตคารต์ไม่เหมือนกัน) คุณควรต้องตรวจดูรายละเอีอดของ statement ด้วยคะว่ามีรายการอะไรแปลกปลอมมาด้วยหรือเปล่า หรือจำนวนเงินไม่ตรงกับทึคุณซื้อไว้ หมายความว่าคุณจะต้องเก็บใบเสร็จส่วนของลูกค้าไว้ เพื้อตรวจเช็คกับ statement ถ้าไม่ตรงกันคุณต้องรีบแจ้งธนาคารทันที หรือมีบางรายการที่ไม่ใช่รายการซื้อของคุณ คุณก็จะต้องรีบแจ้งธนาคารทันทีเพื่อแจ้งระงับการจ่ายเงิน และธนาคารก็จะได้ทำการสืบสวนแล้วแจ้งให้ทราบว่า การซื้อนั้นมาจากที่ไหนวันเวลาอะไร ถ้าไม่ใช่รายจ่ายของคุณ ธนาคารก็จะเป็นผู้ดำเนินเรื่องกับฝ่ายที่เรียกเก็บเงินมา คุณไม่ต้องไปยุ่งยากอะไรด้วย

    ส่วนเรื่องการจ่ายเงิน เมือได้รับ statement มา คุณก็มี Grace Period อึกประมาณ 25 วัน เท่ากับว่าคุณซื้อของโดยจ่ายเงินทีหลังถึง 25 วัน

    การใช้เครดิตคารต์ของคนอื่่น เป็นเรื้องไม่ถูกต้องคะ (ตามที่คุณแสงจันทร์แนะนำไว้) คุณควรใช้ เครดิตคารต์ในชื่อของคุณเอง เพื่อว่าคุณจะได้มีประวัติเครดิตของคุณเองเพื่้อใช้ประกอบการขอกู้ยืมเงินหรือซื้อทรัพย์สินจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน เป็นประโยชนในอนาคต และแต้มที่ได้ก็จะเป็นของคุณ แต่ถ้าคุณใช้เครดิตคารต์ของคนอื่น คุณก็สร้างเครดิตให้เขาแทนที่จะเป็นเครดิตของตัวเอง การมีเครดิตคารต์หลาย ๆ ใบ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องใช้ทุกใบ ผู้ตอบมีคารค์เกือบสิบใบ แต่ที่ใช้ประจำมีเพียงสองใบเท่านั้น คือหนึ่งใบใช้ในชีวิตประจำวัน เช่นซื้อกับข้าวหรือของอื่น ๆ ส่วนใบที่สองก็ใช้ในการจ่ายค่านัำ โทรศัพท์ ค่าหนังสือพิมพ์ etc. โดยให้บริษัทเหล่านั้นเรียกเก็บเงินไปที่เครดิตคารต์ เมื่อถึงเวลาตัดบัญชีบริษัทเครดิตคารต์ก็จะเรียกเก็บเงินไปที่ธนาคารที่ผู้ตอบมีบัญชีอยู่ ธนาคารก็จะทำหน้าที่จ่ายเงินให้แทนผู้ตอบ ผู้ตอบมีหน้าที่เพียงแต่คอยดู statement จากบริษัทเครดิตคารต์และธนาคารเท่านั้นเองว่า รายจ่ายถูกต้องจริงหรือเปล่า และอีกหย่างหนึ่งคือคอยดูแลว่ามีเงินอยู่ในบัญชีกับธนาคารเพียงพอใช้หนี้เท่านั้น

    ชีวิตง่ายขึ้นเมื่อใช้เครดิตคารต์ (ถ้าคุณเป็นคนมีระเบียบเรื่องการใช้เงิน) มีเวลาไปคิดทำอย่างอื่นได้อีกหลายอย่าง

  • อยากจะเล่าประสพการณ์ที่เคยเห็นมา เพราะอยู่ธนาคารตั้งแต่เริ่มใช้บัตรแรก ๆ ก็จะมี America Express เข้ามาเป็นเจ้าแรก ๆ ค่ะ ซึ่งธนาคารก็จะให้พนักงานทำทุกคน ซึ่งถ้าคนรู้จักใช้เงินก็จะใช้ตามความจำเป็นเพราะเป็นการนำเงินในอนาคตมาใช้ และต้องชำระภายใน 45 วันนับจากวันที่กำหนดปิดยอดในแต่ละเดือนไว้โดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ย แต่หากไม่ชำระ จะเสียดอกเบี้ยแพงมากประมาณเกือบ 30 % นับจากวันที่ใช้ในแต่ละยอด พร้อมกับค่าปรับอีกต่างหาก

    จนต่อมาธนาคารของไทยก็เปิดบริการทุกธนาคาร และแต่ละธนาคารก็มีบัตรหลายแบบ

    มีเพื่อนบางคน พอหมุนเงินบัตรใบแรกไม่ทัน เช่นใหม่ ๆ ก็ใช้แค่ครึ่งหนึ่งของวงเงินที่ได้รับแล้วเอาอีกครึ่งหนึ่งมาไว้หมุนชำระ แต่การเบิกเงินแต่ละ 3 พันบาทก็ต้องเสียค่าเบิก 100 บาท นาน ๆ เข้าวงเงินก็หมด à¸��็ทำบัตรใบที่สองเพื่อมาชำระหนี้บัตรใบแรก จนมีบัตรเกือบ 10 ใบก็ไม่สามารถทำใหม่ได้แล้วเพราะทำครบทุกธนาคารแล้วจนกลายเป็นคนหนี้สินล้นพ้นตัว เพื่อนรู้กันหมดเพราะเริ่มขอยืมเงินเพื่อนแทนบัตรแล้ว เงินเดือนออกก็ถูกหักค่าบัตรเครดิตเพราะเฉพาะดอกเบี้ยก็แทบจะไม่พอ

    เดี๋ยวนี้ธนาคาร บริษัทที่ออกบัตรเครดิตจะพยายามหาคนมาขาย(หาลูกค้า) ใช้บริการบัตรเครดิตแข่งขันกันโดยใครสามารถหาลูกค้าได้จะได้รายได้เป็นรายหัวค่ะ เพราะ ดอกเบี้ยจากบัตรเครดิตที่ลุกค้าผิดสัญญาการชำระเงินมันสูงมากกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ปกติของธนาคาร ที่มีธนาคารแห่งประเทศไทยมีกฏหมายกำหนดไว้ แต่ดอกเบี้ยบัตรเครดิตสามารถแยก เป็นดอกเบี้ย เป็นค่าทวงหนี้ ค่าผิดสัญญา อีกมากมายจึงสูงเกือบ 30%

    ปกติผู้รับบัตรเครดิต(แคชเชียร์ที่รับบัตร) ต้องตรวจสอบลายเซ็นต์หลังบัตรและที่ลูกค้าเซ็นต์ในสลิปทุกครั้งว่าตรงกันหรือไม่ หากไม่ตรงต้องปฏิเสธค่ะเพราะตามหลักธนาคารถือว่าลายเซ็นต์ไม่เหมือนหากรับไปเจ้าของบัตรตัวจริงฟ้องร้องได้ว่าปลอมลายเซ็นต์ แต่เดี๋ยวนี้ละเลยกันไปหมด

    วิธีใช้บัตรที่ถูกต้อง ต้องเก็บสลิปการใช้บัตรไว้ทุกครั้งเพื่อเช็คสอบกับใบแจ้งหนี้ที่ส่งมาทุกเดือนว่าตรงกับที่เราใช้ไปหรือไม่ หากไม่ตรงต้องรีบไปแจ้งธนาคารเพื่อขอหลักฐานว่าสลิปใบไหนที่มีการปลอมลายเซ็นต์บ้างเพราะเดี๋ยวนี้มีการปลอมบัตรทุกชนิดกันได้อย่างง่ายดาย

  • janet
    Lv 5
    9 years ago

    จากคำตอบทั้งหมด คุณก็คงเข้าใจข้อดีข้อเสียและความจำเป็นว่าจะต้องมีหรือไม่มีบัตรแล้ว

    แต่เรื่องสำคัญคือ คุณกำลังทำผิดคือเซ็นต์ชื่อในบัตรคนอื่น อย่างที่คุณhorset บอกค่ะ

  • suwatp
    Lv 5
    9 years ago

    คำถามนี้ไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญก้ได้ครับ

    การใช้บัตรเครดิต ต้องลงลายมือชื่อ

    การลงลายมือชื่อในสลิปบัตรเครดิตของคนอื่น เป็นควà��²à¸¡à¸œà¸´à¸”

    ความตกลงของเจ้าของบัตร ที่ให้คุณลงชื่อแทน จะไม่มีหลักฐานยืนยัน

    เวลาคุณถูกดำเนินคดี คุณจะถูกดำเนินคดีอย่างเดียวดาย

    ถ้าเขาเพียงอยากได้แต้มอย่างที่บอก เขาควรจะนำบัตรเครดิตของเขาไปใช้ในการซื้อของของคุณ

    ถ้าคุณไม่อยากได้อะไรที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรม ใครก็หลอกต้มคุณไม่ได้

  • Anonymous
    9 years ago

    กรณีนี้ประโยชน์จะได้กับเจ้าของบัตรที่กดเงินไปใช้ และมีผู้ช่วยจ่ายเงินเข้าบัญชีให้ทุก

    เดือน จึงได้รับผลประโยชน์ตามเงื่อนไขของบัตร

    และผู้ที่เขาให้บัตรไปใช้ตกอยู่ในฐานะผู้กระทำผิดโดยสมัครใจ เนื่องจากเซ็นชื่อใช้บัตร

    ที่ไม่ใช่ของตัวเอง

  • 9 years ago

    ผมไม่ทราบนะครับ แต่เรื่องบัตรเครดิตมีทั้งบัตรหลัก และบัตรรอง คุณใช้ของเขาเป็นประเภทไหน จากที่เล่ามาคุณเป็นคนมีระเบียบการใช้เงิน ใช้แล้วจ่าย ก็ดีไป ไม่มีใครหวังดีไม่เอาประโยชน์หรอก อาจมีปัญหาได้ในสิ่งที่ไม่คาดฝัน ดังนั้น เอาไปคืนเขาเสียถ้าอยากใช้เราก็ไปเปิดเองเพราะจะได้เป็นของ��¹€à¸£à¸² ใช่ในการซื้อสิ่งของและบริการจะมีแต้มให้แถมมีเงินคืนด้วย อย่างนั้นถ้าเราทำเองก้ได้ในส่วนนั้นไปด้วย จากที่เล่ามาต้องระวังเรื่องนี้ให้จงหนักเพราะว่าปัจจุบันเขามีคงเคยได้ยินเครดิตบูโร เพราะการทำบัตรเครดิตชื่อของคุณก็จะอยู่ในนั้นด้วยถ้าดีก็ดีไป ถ้าพลาดคุณก็หมดสิทธิทางการเงินเลย ถึงแม้ว่าจะใช้หนี้หมดแล้วก็ตาม ก็ยังขึ้นแบคลีสอยู่ดี ยุ่งมาก ครับขอให้ระวังในการใช้

Still have questions? Get your answers by asking now.