ลูกๆหลานๆเราต่อไปก็ต้องเป็นลูกน้องของสิงคโปร์กันหมดเมื่อเปิดเสรีอาเซียนอีกสามปีข้างหน้าโดยเฉพาะ7วิชาชีพหลักๆที?

ฅนไทยไปทำงานที่ไหนๆ ก็ต้องเป็นลูกน้องเขาอยู่แล้ว เพราะฅนไทยไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการ

ใครเป็นเจ้าของกิจการ ก็จะได้เป็นนาย

ผมชอบใจคำตอบของคุณ Stardust เสียจริงๆ

**การเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือเสรีในกลุ่ม 7 อาชีพนั้น

มีผลดีต่อไทยไม่น้อย เพราะในภาพรวม

สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในไทย

มีศักยภาพในด้านการผลิตบุคลากรในสายวิชาชีพทั้ง 7

ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งทำให้ผู้จบการศึกษา

ในสายวิชาชีพทั้ง 7 ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอก

มีตลาดงานที่เปิดกว้างมากขึ้น**

ผมคิดว่า เรื่องนี้น่าจะจริงนิดหน่อย แต่ยกยอปอปั้นกันเองมากไปหน่อย

จริงหรือ ที่ประเทศเราผลิตบุคคลากร ใน 7 อาชีพได้ดีกว่า สิงคโปร์ มาเลเซีย?

หมอ พยาบาล ผมเชื่อ แต่วิศวกร ผมยังไม่เชื่อเท่าไรนัก . . . เรื่องมีอยู่ว่า . กาลครั้งหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้ . . . . .

เพื่อนผม ทำงานบริษัทก่อสร้าง(ยักษ์ใหญ่)ของญี่ปุ่นในประเทศไทย มีเพื่อนนักเรียนที่เรียนด้วยกันมา ฝากลูกจบวิศวะจากมหาวิทยาลัยของรัฐ.แห่งหนึ่งเข้าทำงาน คำตอบคือ " ก สะ ระ อู . ไม่รับว่ะ ก สะ ระ อู เคยรับวิศวะที่จบจาก ม. . . . . . เข้ามาแล้ว ทำงานไม่ได้ ความรู้ก็ไม่มี ความรับผิดชอบก็ไม่มี แถมยังอวดเก่งเสียอีก ในที่สุด มันก็ต้องลาออกไป เพราะทำงานเข้ากับใครเขาไม่ได้ "

ประกอบกับ ประสบการณ์ในการทำงานบอกให้รู้ว่า วิศวะจบใหม่ ทำงานไม่ได้ ต้องมาสอนงาน ฝึกงานให้ใหม่ทั้งนั้นเลย . . . แล้วเมื่อเปิดเสรีอาเซี่ยน เป็นบริษัทข้ามชาติ ถ้าหัวหน้าไม่ได้เป็นฅนไทย เขาจะสอนงานให้เหรอ . . . ประกอบกับ มาเล สิงคโปร์ พม่า ฟิลิปปิน อินโด บรูไน พูดภาษาอังกฤษได้คล่อง ลาว เขมร เวียตนาม พูดภาษาฝรั่งเศส และอังกฤษได้คล่อง . . . แล้ววิศวะไทยล่ะ พูดกับเขารู้เรื่องหรือไม่

ดังนั้นการเปิด เสรีอาเซี่ยน จึงไม่ใช่ผลดีนัก สำหรับวิศวกรไทย

ถ้าฅนของเรามีคุณภาพ ยกตัวอย่างเช่น หมอ พยาบาล อย่าว่าแต่อาเซี่ยนเลยครับ ทำงานได้ทั่วโลก ว่างั้นเถอะ

เอาละครับ..ผมจะไม่ตอบแบบมั่วๆไร้ข้อมูล เพราะอ่านนสพ.ห่วยแตก

แล้วจับประเด็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งมาพูด..เหอๆๆๆ

ผมมองว่า ความหวาดวิตกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ เป็นเหตุผลควรรับฟัง

โดยเฉพาะจากพ่อแม่ซึ่งทำธุรกิจ ต้องพบปะ กับคนต่างชาติ เช่นผู้ตั้งคำถามนี้

ย่อมรับรู้ได้ถึงสภาพความเป็นไปของสังคมรอบๆตัวเอง

จากที่ต้องคลุกคลีกับคนงานในบริษัท กับลูกๆที่บ้าน

กับแนวการศึกษาและการสอนของครู

ทั้งจากคนต่างชาติ ที่ต้องพูดคุยด้วยวันละเป็นร้อย

และคงได้เห็นวิธีคิด ของเด็กต่างชาติ วัยต่างๆที่มาพร้อมกับพ่อแม่

คือสรุปว่า คนตั้งคำถาม คงหวาดวิตก เพราะเจอเอง เห็นเอง

ไม่ได้นั่งหน้าจอ อ่านอะไรผ่านๆ วันๆเอาแต่ไล่ล่าคะแนนยาหูอย่างแน่แท้

ผมขอคัดข้อความท่อนหนึ่งของข่าวมาให้เห็น

**การเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือเสรีในกลุ่ม 7 อาชีพนั้น

มีผลดีต่อไทยไม่น้อย เพราะในภาพรวม

สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในไทย

มีศักยภาพในด้านการผลิตบุคลากรในสายวิชาชีพทั้ง 7

ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งทำให้ผู้จบการศึกษา

ในสายวิชาชีพทั้ง 7 ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอก

มีตลาดงานที่เปิดกว้างมากขึ้น**

ผมคิดว่า เรื่องนี้น่าจะจริงนิดหน่อย

แต่ยกยอปอปั้นกันเองมากไปหน่อย

จริงหรือ ที่ประเทศเราผลิตบุคคลากร ใน 7 อาชีพ

ได้ดีกว่า สิงคโปร์ มาเลเซีย?

ถ้าได้จริง ไม่ีต้องหวังตีตลาดแรงงานอาเซี่ยนหรอกครับ

ไปอเมริกา ไปออสเตรเลียเขาก็อ้าแขนรอ

จะไปเยอรมัน เขาก็ยอมรับครับ

เยอรมัน ปิด ประตู แรงงานต่างชาติมาตั้งแต่ 1980

เดี๋ยวนี้แก้กฏหมาย ให้ต่างชาติเข้าไปทำงานได้ง่ายขึ้น

แต่ต้องอยู่ในระดับประมาณ 7 อาชีพนี้

ต้องมีการทดสอบว่าทำงานได้ ถ้าผ่านเขาก็รับครับ(ใบที่จบมาเป็นเรื่องรอง)

และสามารถขอสัญชาติเยอรมันได้ ภายใน 5 ปี

ขอรายละเอียดได้ที่สถานทูตฯเลยครับ

.

เสนอความคิดในมุมมองของหมอนะครับ

สำหรับในแง่การแพทย์แล้วการเปิดเสรีน่าจะเป็นประโยชน์กับเรา

สิงคโปร์ไม่ใช่คู่แข่งทางการแพทย์กับเรา เขาไม่มีทางสู้เราได้เลย

ทุกอย่างที่สิงคโปร์ทำได้ เราทำได้และดีกว่าด้วย

คิดง่าย ๆ เกาะเล็กนิดเดียวมันจะทำไรได้

จะผ่าตัดก็ไม่มีคนให้ฝึกผ่า

ต้องดึงคนไข้ต่างชาติเป็นหลัก ปัจจุบันแค่อาศัยชื่อชั้นว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้ว รวมกันเมื่อไรเสร็จเราแน่นอน

มีข้อเดียวที่เหนือกว่าคือภาษา เนื่องจากใช้ภาษาอังกฤษคล่อง และ present เก่ง

แต่ในปัจจุบันโรงพยาบาลเอกชนจำนวนมากก็แก้ไขเรื่องพวกนี้ไปมากแล้ว รับคนไข้ต่างชาติแทบจะเป็นหลักเลย

เพราะฉะนั้นเปิดเมื่อไรผมเชื่อว่า ในระยะเวลาไม่นานคนไข้ชั้นแนวหน้า พร้อมจ่ายไม่อั้นจะทะลักเข้ามาที่เราครับ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมกังวลอยู่สองอย่าง

อย่างแรกคือพวกโง่ ๆ มันยังทะเลาะกันไม่รู้จักหยุด

ไม่รู้จะนึกสนุกไปปิดที่โน่นที่นี่ หรือไปเผาเมืองเล่นกันอีกเมื่อไร

เก่งไง ดีไง ถ้าเมืองมันถ่อยก็คงไม่มีคนมาครับ

อย่างที่สอง กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือสู้ไม่ได้ก็ซื้อมันซะเลย ผมเกรงเขาจะเข้ามาซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้าในประเทศเราครับ

คำถามดี มีประโยชน์มากครับ

"7 วิชาชีพเสรีอาเซียน" เปรียบเสมือนระดับน้ำแห่งวิชาชีพแต่ละชนิด ที่มีอยู่ในบ่อ 10 บ่อที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน แต่ไม่เคยมีท่อลำเลียงต่อจากบ่อใดๆ ให้น้à��³à¹ƒà¸™à¹à¸•à¹ˆà¸¥à¸°à¸šà¹ˆà¸­à¸£à¸°à¸šà¸²à¸¢à¹„ปสู่บ่ออื่นๆกันได้ง่ายๆ แต่ในปี 2015 คืออีก 3 ปีข้างหน้า จะมีท่อลำเลียงจากทุกบ่อไปสู่บ่ออื่นๆได้อย่างสดวกสบายที่สุด

ผลลัพย์ที่จะเกิดขึ้นก็คือในระยะแรกๆ จะมีน้ำไหลทลักจากบ่อที่มีน้ำสูงกว่า ไปสู่บ่อที่มีระดับน้ำต่ำกว่า แต่ในไม่ช้า บ่อทุกบ่อก็จะมีระดับน้ำเท่ากันหมด และถ้าเมื่อมีบ่อใดที่ต้องใช้น้ำมาก ทำให้บ่อนั้นมีระดับน้ำลดลงไป น้ำจากบ่ออื่นก็จะไหลเข้าไปแทนที่ ทำให้ทุกบ่อมีระดับลดลงด้วย แต่ไม่ช้าก็จะมีระดับเท่ากัน และถ้าบ่อใด มีน้ำบาดานหล่อเลี้ยง ระดับน้ำในบ่อนั้นก็จะสูงกว่าบ่ออื่นๆ น้ำก็จะไหลไปสู่บ่ออื่นๆที่ไม่มีตาน้ำหล่อเลี้ยง เพื่อทำให้ระดับน้ำเสมอกันในที่สุด

ผู้ที่มีการศึกษาสูง และมีความสามารถสูง ก็เปรียบเหมือน "สมอง" ของประเทศ อาการสมองไหล อาจเกิดขึ้นเหมือนระดับน้ำในแต่ละประเทศ แต่จะไหลระบายไปสู่กันได้เสมอ ทั้งเข้าและออกอย่างต่อเนื่องกัน สิงคโปร์อาจได้เปรียบไทยบางอย่าง แต่ไม่ช้าสิ่งที่มีในสิงคโปร์ก็จะมีขึ้นในไทย และในประเทศอาเซี่ยนอื่นๆด้วย ตามกฏของ supply and demand ของตลาดที่กว้างใหญ่ขึ้น

ตลาดของประเทศไทยจะเพิ่มเป็นสิบเท่า แต่ของสิงคโปร์ตลาดของเขาจะเพิ่มเป็นหลายร้อยเท่า เพราะเขาเป็นประเทศที่มีพื้นที่น้อยกว่า และมีประชากรน้อยกว่า แต่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงกว่าประเทศใดๆในอาเซี่ยน แต่จะเป็นเช่นนั้นเพียงระยะแรกๆเท่านั้น ในระยะยาว สมาชิกอาเซียนทุกประเทศจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน นั่นคือทิศทางที่จะเป็นไปในอนาคต ซึ่งทุกคนในประเทศอาเซียนทั้งหลายต้องรับทราบไว้ และใช้สมองวางโครงการ ต้อนรับเหตุการณ์นั้นๆไว้ล่วงหน้า ครับผม

ทุกวันนี้คนไทยก็เป็นลูกจ้างต่างชาติทำนาแล้วค่ะ ไม่ต้องถึงเปิดการค้าเสรีอาเซียนหรอก

แถมตอนนี้ก็ให้แทปเลตเลี้ยงลูกอีกต่างหาก แล้วจะมีอะไรอยู่ในสมองของเด็กไทย ผู้ใหญ่ในอนาคตหลงเหลืออีก

ขอบคุณ ลุงmimi antodini ที่เป็นห่วงพวกเรา

พวกเรามั่นใจความสามารถของพวกเรา เวลาสามปีมากพอ ที่พวกเราจะเตรียมตัวด้านภาษา

พวกเราปัดฝุ่นด้านภาษา 3 เดือนแล้ว สบายมาก เพื่อนที่ได้เกรด2วิชาอังกฤษ ..แต่งงานกับฝรั่ง 3 คนแล้ว

และถึงสุดท้าย ทุกชาติจะมีความสามารถทางวิชาการทัดเทียมกัน ชาติอื่นนั่นแหล่ะต้องหวั่นไหวกับพวกเรา

ชาติเรา หล่อกว่า สวยกว่า ขยันกว่า อดทนกว่า แข็งแรงกว่า กินได้ทุกอย่าง เข้าได้กับทุกศาสนา

เพื่อนที่สมองไหลไปอเมริกา+ตะวันออกกลาง ได้รับแต่คำชม และเค้าต้องการให้ทำงานต่อในระดับหัวหน้า

ใครต้องเป็นลูกน้องใคร หรือเราต้องเป็นเจ้านายใคร ไม่สำคัญ แต่สำคัญที่

เงินเดือนที่ได้ จ่ายไปให้ใครมากกว่ากัน เช่น เพื่อนคนหนึ่งเป็นหัวหน้างานที่สิงคโปร์ เก็บเงินได้ถึง 1 แสน

แต่แล้วไปซื้อ กระเป๋าหลุยส์ปารีส ราคา 1 แสน สุดท้ายทั้งเราและสิงคโปร์เป็นลูกน้อง ปารีส ฝรั่งเศส

ขอบคุณสำหรับข่าวคราวที่นำมาบอกกล่าวกันค่ะ

เพิ่งบอกหลานชายที่กำลังใกล้เวลาต้องเลือกทางเดินในขั้นปริญญาตรีไปเช่นกันค่ะ ว่าเรียนสายวิชาชีพดีที่สุด เพราะไม่ว่าจะอายุเท่าไร ก็ยังเป็นที่ต้องการเสมอ

และไม่ว่าอนาคตเราจะไปเป็นนายจ้างหรือลูกจ้าง ความรู้ในสายวิชาชีพก็ไม่สูญเปล่า

ที่สำคัญให้เน้นเรื่องภาษาต่างประเทศให้มาก ถ้าภาษาดีถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง

บังเอิญ หลานชายมีความสามารถพอ แต่ชอบทำอาหาร จึงลังเลว่าจะเดินทางไหนดีค่ะ

ไม่อยากให้วิตกมากจนเกินไปค่ะ แต่ถ้าจะให้ดีไทยน่าจะปฏิรูปการศึกษาครั้งใหญ่ให้ดีกว่านี้ มันส่งผลไปหลายทอดเหมือนกันนะ

อย่ากลัวที่จะแข่งกับเพื่อนบ้านเลย

คิดอย่างพี่มิมิ พม่า ลาว ไม่กลัวเรามากกว่าเหรอ??

ภาคพื้นอาเซียน มันก็ต้องมีจ่าฝูงครับ เขาเปิดเสรีแล้วนี่ครับ

ต้องทำความเข้าใจ คำว่า "เสรี"ใหม่ ไหมครับพี่

ผมว่าอยู่ที่มุมมองด้วยแหละพี่ ว่าเรามองจากข้างบนลงล่าง

หรือว่า เรามองจากล่างขึ้นบน ถ้าเราหันมองข้างๆก็น่ากลัวอยู่ละครับ

สบายดีนะครับ

คนขี้ตกใจกลัวก็อย่างนี้แหละ จิ้งจกยังไม่ทันทักเลย เหงื่อออกทั้งตัวไปแล้ว ดูหน่อยนะว่าก๋วยเตี๊ยวอาม่าใช้กระเทียมอะไรเจียว ไหนบอกคนเชียงใหม่เลิกปลูกกระเทียมเพราะเปิดเสรีกับจีนไง ลองดูตัวอย่างไกลตัวก็ได้ ทำไมบุลกาเรีย อยากเข้าอียู ยูโรนักหนา โดนตรวจแล้วตรวจอีกก็ไม่ยอมเลิก ถามว่าไม่กลัวเยอรมันหรือไง พอเข้ามาแล้ว ตอนนี้ไปประเทศไหนในอียู มีแต่คนบุลกาเรีย ไม่ได้ขัดคอนะ กลัวว่าจะตกใจกลัวจนไม่เป็นอันทำมาหากินเท่านั้นแหละ ที่เลือกเข้ามาตอบน่ะ