Yahoo Answers is shutting down on May 4th, 2021 (Eastern Time) and beginning April 20th, 2021 (Eastern Time) the Yahoo Answers website will be in read-only mode. There will be no changes to other Yahoo properties or services, or your Yahoo account. You can find more information about the Yahoo Answers shutdown and how to download your data on this help page.
Trending News
ทำไม คนถึงชอบนินทา ดูถูก พูดจาส่อเสียดทั้งๆที่เราก็ไม่ได้ ไปยุ่งอะไรด้วย และก็ไม่ได้ไปทำอะไรให้เสื่อมเสีย?
7 Answers
- popLv 78 years agoFavorite Answer
อนุโลมมุสา คือ การไม่แสดงเรื่องเท็จทั้ง ๗ (มุสาวาท ๗) แต่เจตนาให้เขาเจ็บใจหรือแตกร้าวกัน เช่น
-พูดเสียดแทง กระทบ****** แดกดัน
-พูดประชด ยกให้เกินความจริง
-พูดด่ากดให้ต่ำกว่าความเป็นจริง
-พูดสับปลับ ด้วยความคะนองวาจา
-พูดคำหยาบ คำต่ำทราม
เหล่านี้ไม่จัดเป็นมุสาวาทแต่ทำศีลด่างพร้อย
ผลกรรมผิดศีลมุสาคือ
๑. พูดไม่ชัด
๒. ฟันไม่เป็นระเบียบ ฟันไม่สวย ฟันผุ
๓. ปากเหม็นมาก
๔. ไอตัวร้อนจัด
๕. ตาไม่อยู่ในระดับปกติ เช่น ตาลอย ตาเหลือก
๖. กล่าววาจาด้วยปลายลิ้นและปลายปาก
๗. ท่าทางไม่สง่าผ่าเผย
๘. จิตไม่เที่ยงคล้ายคนวิกลจริต
ปูตีมุขเปตวัตถุ
ว่าด้วยบุพกรรมของเปรตปากเน่า
ท่านพระนารทะถามเปรตตนหนึ่งว่า
[๘๘] ท่านมีผิวพรรณงามดังทิพย์ ยืนอยู่ในอากาศ แต่ปากของท่านมีกลิ่น
เหม็น หมู่หนอนพากันมาไชชอนอยู่ เมื่อก่อนท่านทำกรรมอะไรไว้?
เปรตนั้นตอบว่า
เมื่อก่อนข้าพเจ้าเป็นสมณะลามก มีวาจาชั่ว สำรวมกายเป็นปกติ ไม่
สำรวมปาก ผิวพรรณดังทองข้าพเจ้าได้แล้ว เพราะพรหมจรรย์นั้น แต่
ปากของข้าพเจ้าเหม็นเน่าเพราะกล่าววาจาส่อเสียด ข้าแต่ท่านพระนารทะ
รูปของข้าพเจ้านี้ท่านเห็นเองแล้ว ท่านผู้ฉลาดอนุเคราะห์กล่าวไว้ว่า
ท่านอย่าพูดส่อเสียดและอย่าพูดมุสา ถ้าท่านละคำส่อเสียดและคำมุสา
แล้ว สำรวมด้วยวาจา ท่านจักเป็นเทพเจ้าผู้สมบูรณ์ด้วยสิ่งที่น่าใคร่.
โรคปากเสีย คือ โรคชอบต่อกรรม เมื่อถูกกระทบทางทวารทั้ง 6 (ประตูทั้ง 6 คือ รูป เสียง กลิ่น รส สิ่งที่มากระทบผิวกาย และธรรมารมณ์)
เพราะอุเบกขา หรือวางเฉยไม่เป็น เบรกจึงแตกเป็นปกติ มีผลทำให้กรรมบท 10 หมวดวาจา ไม่เต็มสักที (กรรมบท 10 หมวดวาจา 4 มี ไม่พูดโกหก, ไม่พูดคำหยาบ , ไม่พูดส่อเสียดหรือพูดนินทาผู้อื่น และไม่พูดเรื่องไร้สาระไม่เกิดประโยชน์)
วิธีปฏิบัติ
แก้โดย
1) พยายามคิดเสียก่อนจึงค่อยพูด
2) หรือพยายามคิดอยู่ตลอดเวลาที่ฟังคนอื่นเขาพูด
3) พยายามดึงจิต อย่าไปไหวตามคำพูดของผู้อื่น (โดยฟังอย่างเดียว ห้ามปรุงแต่งธรรมนั้นๆ)
4) พยายามฟังแล้วกรองเอาสาระจากคำพูดนั้นๆ ของเขา ว่ามีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ (ด้วยปัญญา)
5) เวลาคนอื่นเขาพูด จะยาวจะสั้น ปล่อยเขาพูดให้จบก่อน เราใช้ความคิดฟังไปแล้ว จะรู้ว่า คำพูดนั้นๆ มีสาระหรือไม่มีสาระ ควรพูดหรือไม่ควรพูด หรือ ควรวาง ควรตัด ก็รู้ได้ด้วยความคิด ไม่ใช่ประโยคไหนมากระทบหูแล้ว กูอยากจะพูดก็ว่าไปเรื่อย โดยไร้ความคิดพิจารณา
6) หากทำตาม 5 ข้อแรกแล้ว คิดอยากพูดบ้างก็ให้พิจารณาว่า พูดแล้วเป็นคุณหรือโทษ มีสาระหรือไม่มีสาระ ยิ่งเป็นสาระธรรมในพระพุทธศาสนายิ่งสำคัญ จะต้องมั่นใจเสียก่อนว่าเป็นความจริง ไม่ผิดศีล-ไม่ผิดพระวินัย ไม่ผิดพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ถ้าไม่ผิดก็พูดได้ สรุปว่าต้อง นิสสัมมะ กรณัง เสยโย หรือใคร่ครวญด้วยปัญญาเสียก่อนจึงค่อยพูด เพราะแม้ว่าจะเป็นจริงแต่พูดแล้วคนฟังไม่เชื่อ-ไม่ศรัทธา ก็ไร้ประโยชน์ที่จะพูด
สมเด็จองค์ปฐม ทรงเมตตาแนะนำต่อ และสั่งสอนต่อ มีความสำคัญโดยย่อดังนี้
ก) " วาจา เป็นเหตุให้เกิดศัตรู และสร้างศัตรู ผู้รู้พึงกล่าววาจาด้วยความตริดตรองเสียก่อน เพื่อประโยชน์ให้แก่ตนเอง แต่ผู้ไร้สติ-สัมปชัญญะขาดปัญญา จักกล่าววาจาให้เกิดโทษแก่ตนเองและผู้อื่นอยู่เนืองๆ เพราะฉนั้นให้รู้สำรวมวาจาให้มากๆ โดยการพิจารณาเสียก่อนจึงพูด ''
ข) " กำลังใจของคนไม่เท่ากัน จงอย่าไปตำหนิใคร เพราะทำไปหรือตำหนิไปก็รังบแต่จักเพิ่มกิเลสขึ้นในจิต และสร้างศัตรูขึ้นแก่จิตของผู้อื่น ดังนั้นจึงควรสงบถ้อยคำไว้เป็นดีที่สุด แม้จักกล่าวว่าด้วยความหวังดีก็ตาม มันก็เป็นเนื่องด้วยกิเสอยู่ดี"
ค) “ สังขารุเบกขาญาณ เป็นธรรมเบื้องสูง ของผู้ถึงจุดสุดยอดแห่งมรรคผลนิพพาน " ขอให้พวกเจ้าหมั่นซ้อมหมั่นปฏิบัติเข้าไว้ วางอุเบกขาให้ถูกลักษณะของมัชฌิมาปฏิปทา โดยอาศัยศีลเป็นพื้นฐานที่ตั้งของสมาธิและปัญญา ตัว สังขารุเบกขาญาณก็จักเกิดขึ้นได้ไม่ยาก หมั่นอัตตนา โจทยัตตานัง สอบจิต-สอบกาย-สอบวาจา เข้าไว้ว่า คิดเช่นนี้ ทำเช่นนี้ พูดเช่นนี้ มันผิดหรือถูกในหลักธรรมที่ตถาคตได้สั่งสอนมา พิจารณาให้มาก ๆ
ถ้าผิดก็จงอย่าทำเป็นอันขาด ถ้าถูกก็จงรีบทำด้วยความมั่นใจ ขยัน-พากเพียรเข้าไว้ มรรคผลที่ได้จากการกระทำของตนเองนั้นเป็นของแท้ ดีกว่าฟังคนอื่นพูดหรือเล่าว่า เขาทำเช่นนั้นได้ผลเช่นนี้
ง) มาเถิดเจ้า เข้ามาสู่หลักปฏิบัติธรรม อันเข้าสู่โลกุตรธรรมเบื้องสูงอย่างแท้จริง ตั้งใจไปเลยทิ้งทวนของชีวิตเสี้ยวที่เหลือนี้ให้แก่พระธรรม
ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป จงหมั่นคุมสติกำหนดรู้กิริยาของกาย-วาจา-ใจให้แน่วแน่มั่นคง อานาปานัสสติกับคำภาวนา อย่าทิ้งเป็นอันขาด ใครจักพูดอะไร ขอให้มีสติฟังให้ดี ๆ พิจารณาเข้าอิงพระธรรมคำสั่งสอน กลั่นกรองหาสาระให้ได้ แล้วเวลาที่จักพูด ก็จงคิดพิจารณาให้ดีว่ามีสาระหรือไม่ ถ้าไม่มีจงอย่าพูด อย่าทำเช่นนั้นเป็นอันขาด "
- kometLv 78 years ago
เหลน"สุนทรภู่"ว่า อันนินทากาเล เหมือนเทแกลบ ไม่เจ็บแสบ เหมือนเอาแหนบไปถอนขน".
เราๆๆก็เฉยๆๆกับคำเหล่านั้นซะ อย่าไปรู้สึกร้อน-หนาวกับคำพูดเหล่านั้น...มันไม่จริง
- เมาLv 58 years ago
ปุตุชนข้าไม่โดนนินทา ดูถูก พูดจาส่อเสียด ชีวิตเราก็ไม่มีรสชาด แต่เราอย่าไปตามแก้ตามล้างก็พอแล้ว เงียบไว้ดีแล้ว เพราะเราไม่ได้เป็นอย่างนั้น ใครไม่รู้ตัวเรารู้ ฟ้าดินรู้ว่าเราไม่เป็นอย่างนั้นก็พอแล้ว แล้วเราก็ไม่ได้ขอคนนินทา ดูถูก พูดจาส่อเสียด กินต่างหากนี่ซิสำคัญ ครับ
- 8 years ago
ตอบได้แบบฟันธงเลยว่า "มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์" ครับ ดุจากการที่บรมครูเขียนกลอนไว้สิครับ "อันนินทา กาเล เหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำ เหมือนเอามีด ไปกรีดหิน องค์พระพุทธ ปฏิมา ยังราคิน มนุษย์เดินดิน หรือจะสิ้น คนนินทา" เข้าใจการเปรียบเทียบไหมละครับ ขนาดพระพุทธรูปนั้นท่านอยู่เฉย ๆ มนุษย์ยังเอาไปพูดตำหนินั้นตำหนินี้ได้เลย ว่า ไม่สวยมั่งละ สีซีดมั่งละ ปั้นไม่เรียบร้อยมั่งฯ นานาจิปาถะละที่มนุษย์จะพูดไป ฉะนั้น การนินทา ดูถูก ส่อเสียด จึงมีอยู่เป็นของคู่โลก ทุก ๆ คน มีสิทธิ์ที่จะโดนด้วยกันทุก ๆ คน แม้ว่าคน ๆ นั้นจะไม่ได้ทำอะไรให้เสื่อมเสีย
- How do you think about the answers? You can sign in to vote the answer.
- 8 years ago
สังคมก็เป็นแบบนี้ มีทั้งคนที่คิดได้กับคิดไม่ได้ คนที่คิดไม่ได้ไม่ใช่ว่าเค้าไม่ดีนะ ตัวเค้าก็คิดว่าเค้าดี เค้านินทาใครก็คิดว่าตัวเค้าถูก ทำถูกที่ได้ด่าว่าใครๆ ทั้งที่ตัวเองอาจมีปมด้อยก็ได้นะ แบบชอบขุดเรื่องคนอื่นมาพูด สนุกปากทั้งที่ตัวเองมีเรื่องน่ารังเกียจแต่ไม่เคยพูดถึงเลย ทำใจเถอะค่ะ คนที่คิดได้เค้าจะคิดว่า ก่อนไปว่าด่าคนอื่น นินทาคนอื่น ตัวเองก็มีเรื่องไม่ดีหรือไม่ใช่คนวิเศษอะไร ก็จะไม่ค่อยด่าว่า นินทาใคร เพราะมันไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ทำตัวเองให้ดีที่สุด ดีกว่าไปว่าใครเค้า เดี๋ยวนี้คนเราจะตัดสินคนอื่นโดยการมองตัวเองเป็นหลัก ไม่เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา สังคมเลยวุ่นวาย เพราะคำนินทา ด่าว่า ส่อเสียด ทำให้คนที่ถูกนินทามีคนมองไม่ดีตลอดทั้งที่ ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนเท่าพวกปากมากเลย บอกได้เลยทุกที่ต้องมีคนประเภทนี้ เหมือน พระเจ้าสร้างคนจำพวกนี้ขึ้นมาโดยเฉพาะให้เรา��ุกคนอยู่กันด้วยความอดทน มีคนที่ไหนก็ต้องมีขาเม้าท์ ขี้นินทาที่นั่น ให้นั่งทำงาน นั่งเรียนกันเฉยๆ ไม่ได้หรอก พวกนี้คัน... ยังไงก็ขอนินทาก่อน
ดูที่การเลี้ยงดูด้วยนะ ได้รับการเลี้ยงดูมายังไง ก็เป็นแบบนั้นแหละ สังคมถึงได้มีคนแบบนี้รุ่นแล้วรุ่นเล่า ไม่หมดเผ่าพันธ์เลย
- 8 years ago
ท่านสุนทรภู่กล่าวว่า..อันนินทากาเลเหมือนเทแกลบ มันไม่แสบเหมือนเอาตูดไปขูดหิน"
อย่าไปใส่ใจกับคำพูดที่แย่ แย่มาทำลายความรู้สึกดี ดีของคุณค่ะ อาจทำใจยากส์นิดนึงนะค่ะ
ปล่อยให้เค้าพูดไป เยอะ เยอะ คนที่ได้รับฟังเป็นผู้ตัดสินที่ดี แลจะอยู่ข้างคุณ ถ้าคุณเป็นคนดีของสังคม
อย่าได้กังวล...ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
Leona
- 6 years ago
อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน
แค่องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา