เพื่อนร่วมชั้นของดิฉันแข่งกันเรียนมากทุกคน ทำใจอย่างไรดีค่ะ?

มองให้เป็นเรื่องธรรมดา เราไม่ต้องคิดแข่งขันกับใครแต่เราก็ทำให้ดีที่สุด คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมักไม่ใช่คนที่เรียนได้เกรดสูงมาก ( คนที่เรียนได้เกรดสูงมากเมื่อทำงานมักจะซีเรียสกับการทำงาน ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร ) คนที่ก้าวหน้าในการทำงานมักจะได้เกรดไม่ต่ำและไม่สูงมาก ฉะนั้นเราทำใจให้สบาย ได้เกรดอยู่ระหว่าง 2.5 - 3.5 ก็พอ

คุณไม่เคยเห็นมาก่อนก็เป็นประสบการณ์ที่ดี ^_^

ผมเชื่อว่าคุณอยู่ในสังคมแบบนี้จะทำให้คุณตื่นตัวอยู่เสมอ

ไม่น่าจะต้องไปเครียด ทำงานของเราให้ดีที่สุดก็พอแล้ว อย่าไปคิดว่าเป็นการแข่งขัน แต่สภาพแบบนี้มันทำให้เราตื่นตัว

ถ้าเà��„รียดมากผมคงได้แต่ให้ความเห็นว่า

จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ผ่านมา พวกพูดมากไม่น่ากลัว

ประเภทสอบเสร็จคุยมาก ๆ โม้มาก ๆ ทำได้เยอะแยะ

ไม่เคยมีสักคนเดียวที่ได้คะแนนเหนือผม

คนที่เก่งจริงมักจะรู้สึกว่าทำได้ไม่ดีอยู่เสมอ ส่งงานแล้ว สอบเสร็จแล้วก็ยังรู้สึกว่าทำได้ไม่ดีพอ

สมัยผมเรียนหนังสือนะครับ พอประกาศคะแนนแทบจะอยากกระโดดเตะคนบางคน

บ่นอยู่ได้ ตรูจะตกมั้ยเนี่ย ออกมาเกือบเต็ม

ที่สำคัญประสบความสำเร็จหรือไม่ การเรียนดี ขยันเรียนเป็นแค่ปัจจัยหนึ่ง (ที่จำเป็น) ครับ

คุณคิดมากไป+สร้างปมด้อยในใจคุณเอง ก็คุยๆๆด้วยธรรมดาเเบบเพื่อนร่วมเรียน เขาเเข่งๆกัน คุณก็ให้"กำลังใจ"เขาเหล่านั้นให้ประสบความสำเร็จตามที่เขาแข่งกัน...ดีกว่าค่ะ.

ก็เกาะเขาให้ตลอดเราก็จะดีด้วย

ก็ไม่ต้องทำอะไรเราก็เรียนไปคุยเท่าทà¸��่อยากคุยอย่าคิดมากและอย่าเอาตัวเองไปผูกกับเขามากนัก

การแข่งขัน...เพื่อเอาชนะ กันนั้น มันเป็นธรรมชาติของสัตว์โลกมาตั้งแต่แรกเกิดแล้ว หากไม่ชนะก็ไม่ได้เกิดเป็นตัวตน เกิดมาแล้วก็แย่งกันตลอดเวลา เช่น แย่งกันมีชีวิต แย่งลมหายใจ แย่งความสุข แย่งกันครอบครองทรัพย์สมบัติของโลก ฯลฯ เพื่อความสุข เพื่อความสมหวัง เพื่อความสะดวกสบาย แห่งตน การที่คนเราทำทุก ๆ อย่าง นั้นก็เพื่อตนเอง ทั้งนั้น เราต้องหาวิธีอยู่ในโลกใบนี้กับพวกเขาให้เป็นสุขได้โดย มองทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็น "ธรรมดา ๆ" อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด อะไรจะดับ ก็ให้มันดับ เราอย่าได้ไปคิดเปลี่ยนแปลงมัน ใครเขาจะทำอะไร แข่งขันอะไร เอาชนะกันอย่างไร ก็เป็นเรื่องการดิ้นรนของพวกเขาเป็นธรรมดา ๆ เราก็อยู่ของเราไปอย่างธรรมดา ๆ สนใจแต่เรื่องความเป็นอยู่ของเราก็พอ อย่าไปเอาเรื่องของคนอื่นมาเป็นอารมณ์ ��¸—ำตัวเองให้ดีที่สุด ให้ถูกต้องที่สุด ก็พอแล้ว หากเราทำได้ เราก็จะไม่ต้องหงุดหงิดไปกับ "ความดิ้นรน" ของพวกเขา

คุณภาพ มาตราฐาน และระดับความน่าเชื่อถือ ของการเรียนในระดับ ป.โท

บางทีก็ไม่ได้ขึ้นกับความสามารถของครูอาจารย์์อย่างเดียว

แต่ขึ้นกับ นักศึกษาในชั้นนั้น ๆ ว่าจะมีมาตราฐาน หรือประสบการณ์ในการ

ทำงานมาจากที่ไหนกันบ้าง ถ้ายิ่งเพื่อน ๆ ในห้องเีีรียน มีประสบการณ์หลากหลาย

ก็ทำให้เราได้เห็นมุมมองที่แปลก แตกต่างจากเรา ช่วยให้องค์ความรู้ในห้องเรียน เข้มข้นมากไปด้วย

ส่วนประเด้น ส่งงานเร็ว แล้วงานของเขามีคุณภาพเป้นไปตามที่อาจารย์ต้องการหรือเปล่า

ผมเคยเห้น บางคนส่งงานไปห้าหกหน้ากระดาษ แต่อาจารย์กับให้คนที่ส่งหน้ากระดาษเดียว ได้คะแนนมากกว่าก้มี

ถ้ากล่าวถึงการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย ใครๆก็อาจคิดว่ามันเป็นเรื่องง่าย ถ้าไม่ได้ลองเข้ามาใช้ชีวิตจริงๆก็ไม่รู้หรอกว่ามันยากแค่ไหน กว่าจะเรียนจบ 4 ปีต้องเผชิญกับเหตุการณ์มากมายที่เข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย

วิธีการใช้ชีวิตของเราให้มีความสุข และตลอดเวลาการเรียนนั้น ก็มีอยู่ด้วยกันมากมาย แต่ไม่ได้มีบัญญัติไว้อย่างเป็นทางการจากวิชาการท่านใด มีเพียงพวกเราที่ประสบความสำเร็จและอยู่ในมหาลัยนี้อย่างมีความสุขเท่านั้น ที่เรียบเรียงวิธีเหล่านี้ให้พวกคุณ

1.ปรับตัวให้เข้ากับสังคม คือพยายามที่จะเปิดตัวเปิดใจรับกับสิ่งใหม่ๆที่กำลังจะเข้ามาในอนาคตอันใกล้

2.เข้าทำกิอจกรรมทางมหาวิทยาลัย คือเทื่อทางมหาวิทยาลัยมีงานก็เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อที่จะได้ประสบการณ์

3.รู้จักคบเพื่อนและคบให้ถูกคือ รู้จักที่จะเข้าหาผู้อื่นเข้าร่วมกับสังคมเพื่อที่จะปรับตัวเป็น นั่นคือการรู้จักคบเพื่อนไปในทางที่ดี

4.การรู้จักที่จะให้อภัย แต่ข้อนี้ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าให้มีวงจำกัดอยู่แค่ในรั้วมหาวิทยาลัย ถ้าจะดีควรจะเผบแพร่ไปสู่ผู้อื่นด้วยจะดีกว่า เพราะเมื่อเรารู้จักการให้อภัยในสิ่งที่คนอื่นทำผิดพลาดเปรียบกับสำนวนไทยที่ว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร นั่นแล

5.หัดเข้าชมนมเพราะเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์หลายอย่าง มหาวิทยาลัยของคุณคงมีชมรมให้คุณเลือกอย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น ด้านกีฬา คนตรี คุณสามารถเลือกได้ตามความต้องการ

6.อย่าเดินหลังเที่ยงคืน โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นหญิงสาววัยขบเผาะ คุณยิ่งต้องระวังเอาไว้เลย ช่วงพระอาทิตย์ตกดินเป็นต้นไปพวกมิจฉาชีพมาเดินกันขวักไขว่ทางที่ดีท่านควรที่จะพาเพื่อนเดินไปด้วยสักคน

7.เลือกหอพักให้ดีถ้าคุณเป็นหญิงสาวคุณอาจเลือกหอพักที่เป็นหญิงล้วน เพราะอาจพักหอหญิงและหอชายรวมกัน มันอาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นมาก็ได้

8.ตีซี้อาจารย์ คุณคิดว่าอยู่ในมหาลัยคบเพื่อนอย่างเดียวพอแล้วหรือ ไม่หรอกคะ การคบแต่เพื่อนมันจะทำให้คุณเรียนดีขึ้นไหม คะแนนเพิ่มขึ้นหรือไม่ ต้องเข้าหาอาจารย์คุณจะได้รับคำปรึกษามากมาย แต่ที่สำคัญอาจารย์จะแปลงร่างเป็นนักจิตวิทยาได้

9.มาเรียนอย่างสม่ำเสมอ การที่คุณมาเข้าเรียนสายนั้นอาจทำให้คุณพลาดอะไรบางอย่างไปอย่างไม่คาดคิดเช่น พลาดการเชคชื่อ หรือแนวข้อสอบ

10.คิดทุกอย่างก่อนที่จะทำอะไรลงไปการที่คุณจะทำอะไรลงไปนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน หรือกิจกรรมคุณควรทำอย่างไตร่ตรองก่อนที่จะลงมือปฏิบัติ

อย่างไรก็ตามการดำรงชีวิตรั้วมหาวิทยาลัย ก็ต้องขึ้นอยู่กับการปรับตัวของเราเองเหมือนกับคำโบราณ ที่กล่าวว่า เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม เพื่ออนาคตของตัวเราเอง

การเรียนหรือการทำงาน ต่างก็ทำให้ใครเป็นสุขใจไปไม่ได้

ถ้าไม่ทราบเคล็ดลับในการทำงานอย่างมีความสุข

เราขอแนะนำให้คุณอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วกันค่ะ

คุณจะได้ทั้งเคล็ดลับในการเรียน(หรือทำงาน)อย่างมีสมาธิ

และวิธีง่ายๆในการรับมือกับการต้องทำเรื่องที่ไม่อยากทำ

ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนวิชาเรียน ไม่ต้องเปลี่ยนเพื่อน

ชีวิตของคุณก็จะพบความสุขได้ค่ะ

"เซนในการทำงานอย่างเซียน"

http://www.dungtrin.com/index.php?option=com_docma...

Certo! sono d'accordo con te....