"ปุพเพวะ สันนิวาเสนะ ปัจจุปบันนะ หิเตนะวาเอวันตัง ชะยะเตเปมัง อุปะลังวะ ยะโถธะเถฯ "?

พระคาถาหาคู่แท้

ตั้งนะโม 3 จบ

แล้วท่องพระคาถาหาคู่แท้ ดังนี้

โดยใช้น้ำสะอาดใส่ขัน แล้วท่อง....

" บุปเพวะ สันนิวา เสนะ

ปัจจะ บันนะ หิเตนะ วา

เอวันตัง ชะยะตา เปมัง

อุปะลัง วะ ยะโส ธะกาฯ "

คาถาหาคู่แท้ เท่าอายุตนเอง แล้วนำน้ำมาล้างหน้าก่อนเข้านอน

ถ้ามีวาสนา กลางคืนจะฝันเห็นคู่ครองของตนเอง

ครึ ครึ ครึ

ด้วยอำนาจ(บุญเก่า)แห่งการระลืกถึง(สัญญาข้ามภพข้ามชาติคู่แล้วไม่แคล้วกันด้านบุพเพสันนิวาส) ตราบใดในชาตินี้ที่ยังมีชีวิตอยู่(ฮา..) ขอให้ได้เจอะเจอเนื้อคู่(สู่สม)กะเค้า..ซ๊ะที

ฮิ ฮิ ฮิ คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า

อะไรที่เป็นทุกข์ มาร(พญาวัสสะวดี) จะจัดให้อยู่แล้ว ไม่รู้ฤา(ฮา..)

ผู้ชายไม่ค่อยใส่ใจหรอกครับ ที่ว่าลงคานนั้นหมายถึงเฉพาะเพศหญิงต่างหาก(พวกยึดมั่นถือมั่นตามประเพณี เกิดมาทั้งทีต้องมีพิธีแต่งงาน ฮา..) โตแล้วต้องมีคู่ตุนาหงัน มีลูก หลาน เหลน โหลน แล้วก็พรากจาก เพื่อกลับสู่วัฏจักรเดิมอีก(สังสารวัฏ)

หมายถึง ความรักเกิดขึ้นได้เพราะองค์ประกอบ ๒ อย่าง คือ เคยอยู่ร่วมกันมาในอดีตชาติ และได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชาติปัจจุบัน เหมือนดอกบัวงอกงามเพราะน้ำและเปลือกตม พระพุทธพจน์บทนี้ พระเกิจอาจารย์เห็นว่าเกี่ยวข้องความรัก เลยนำมาใช้เป็นคาถาสำหรับบริกรรม คาถานี้จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อมีสมาธิจิต มีฌานสมาบัติ ซึ่งหมายถึงความมีสมาธินั่นเอง

คาถาเหล่านี้เป็นคาถาคุณพระ มีมาตั้งแต่โบราณ พระเกจิอาจารย์คิดค้นขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจให้มุ่งไปทางนั้น รวมทั้งเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งให้คนเข้าถึงพระศาสนา เพราะถ้าถ่ายทอดคำแปลออกมา จะเป็นหลักธรรมสำหรับไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี คาถาเหล่านี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อ ผู้ภาวนาใช้ต้องปฏิบัติตัวอยู่ในศีลธรรม รักษาศีล ๕ ข้อ ให้ได้ ต้องมั่นทำบุญทำทานอยู่เสมอๆ ใครที่คิดว่า ภาวนาคาถาเหล่านี้แล้วจะเอาหญิงอื่นมาเป็นของตน หรือที่เรียกว่า เอาเมียชาวบ้านมาเป็นเมียตนเองนั้น ต่อให้ภาวนาพันครั้งหมื่นครั้ง ก็ไม่มีวันสมหวัง เพราะจิตไม่บริสุทธิ์

"การภาวนาคาถาบทใดบทหนึ่งให้ได้ผลนั้น ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น จิตต้องบริสุทธิ์ เป็นคนอยู่ในศีลมั่นในธรรม และต้องมีแรงอธิษฐานอันแรงกล้าด้วย" อาจารย์ราม กล่าวแนะนำ

บุบเพสันนิวาสปัจจุบันนี้เหรอคะ? แปลไม่เป็น แต่ถ้าให้เ***็จะว่า ต้องทำให้เกิดขึ้นเอง ลูกเอ๋ย..... พระพรหมติดธุระ เพราะมีคนมีปัญหากับปากท้องมาก ปัญหาทางคู่ต้องจัดการเอง ท่านคงได้ยินคำพังเพยเก่าๆที่ว่า. อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา

😱😱😱

ชอบคำตอบคุณ นาย หน่อง จังเลย... ช่างรู้ช่างวิจัย โหวดให้นะ

ที่ถูกต้องเขียนอย่างนี้ครับ

"ปุพเพวะ สันนิวาเสนะ

ปัจจุปปันนะหิเตนะ วา

เอวันตัง ชายะเต เปมัง

อุปปะลังวะ ยะโถทะเก"

แปลว่า "ความรักเกิดได้ด้วยเหตุ 2 ประการ คือ (1) เคยอยู่ร่วมเรียงเคียงกันมาก่อน แบบที่เรียกว่าบุพเพสันนิวาส กับ (2) ได้ช่วยเหลือเกื้อหนุนกันในปัจจุบันชาตินี้ เหมือนกับดอกบัว (อุบล) เกิดได้ด้วยเหตุ 2 ประการ คือ น้ำ และเปือกตม"

ที่เรียกว่าคาถาลงคาน น่าจะเป็นการสอนให้คนรู้จักสร้างความรักให้เป็นจึงจะเห็นผลของความรัก ซึ่งความรักนั้นบางคนแค่เจอหน้ากันก็ถูกชะตา แบบนี้อาจเป็นได้ว่าชาติก่อน ๆ เป็นเนื้อคู่กันมา แต่บางคนความรักก็เกิดได้เพราะความเห็นน้ำใจของอีกคนที่คอยช่วยเหลือให้กำลังใจอยู่ตลอดเวลานั่นเองครับ สรุปว่า ความรักไม่ได้เกิดได้เอง แต่เมื่อใดเราสร้างเงื่อนไขให้ความรักเกิดด้วยการคอยช่วยเหลือคนที่เราแอบรักหรือชอบ จนกระทั่งความซาบซึ้งใจเกิดขึ้นกับคนนั้น เมื่อนั้นความรักจึงจะเกิดให้เราเห้นผลและยลโฉมของดอกรักที่ผลิบาน

หมายเหตุ คาถานี้มีที่มาจากพระธรรมบทในพระไตรปิฏก เขียนเป็นบาลีว่า "ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา เอวนฺตํ ชายเต เปมํ อุปฺปลํว ยโถทเก

ขอความรักจงบังเกิด...

เป็นส่วนหนึ่ง หรือดัดแปลง มาจาก คัมภีร์อาถรรพเวท เป็นคัมภีร์เวทมนต์คาถา อยู่ใน สามเวท เกี่ยวกับเวทมนต์คาถาและเลขยันต์ ประกอบกับการใช้อำนาจสมาธิจิต ทำการสาธยายเวทมนต์คาถาสวดบริกรรม ภาวนาปลุกเสก อันเป็นความลี้ลับ (จริงไม่จริงหน่องไม่รู้ ครับ) แปล ไม่ทราบ ครับเด๋วผิด บาลี มีอัตถ ตั้งร้อย

เป็น คาถา บทหนึ่ง ซื่งพวก เดรัจฉานวิชา เขาผูก เป็น กถา ภาษาบาลี สำหรับ แม่ม่าย หรือ พวกพ่อม่าย หรือ อยากจีบแม่ม่าย สาวขึ้นคาน ทำนองนั้น หมายมั่นจะมีคู่ตุนาหงัน อยู่เป็นเพื่อนดูแลกัน ตะบันน้ำกินกัน คางยืดน้ำลายหยด มันเป็นความเชื่อ เหมือน คนห้อยพระ เด็กๆกำลังซน คาดเอวด้วยปลัดขริก เราจะเห็นพวกแม่ค้า เอาไอ้ปลัดขิก มาเคาะโต๊ะ โครม โครม ๆ ก่อนเปิดร้านตอนเช้า บางร้าน เอาวางไว้บนหิ้ง ตัวเท่าหัวเข่า (ท่าจะบ้า)

ถ้าภาคเหนือ ก็มี เขาเรียก อิ่น ทำเสน่ห์ยาแฝด ฝังรูปฝังรอย ทำนองนั้น หรือ ให้สามีหลงไหล แบบโงหัวไม่ขึ้น ปกติแล้ว สตรี สมัยก่อน เรือนสามน้ำสี่ ยังไม่พอหรอก มันต้องเก่งเรื่อง กามสูตร(อินเดียมีมา นับพัน พัน ปีแล้ว ไม่เกี่ยวกับตอบปัญหาเพศ เสพสม บ่ มิ สม นะ ) ด้วย ในละแวกบ้านเรา เขมร พม่า ไทย ลาว รับอิทธิพล พวกนี้มานานแล้ว อย่างเช่น หงษ์ร่อนมังกรรำ กระทำให้สามีหลง หรือไครโดนเข้าไป หนีไม่พ้น (รอยยิ้มแม่ค้า อ้อยขวั้น) ประมาณนั้น ความเชื่อเมื่อก่อนซ่องโสเภนีสำนักนางโลม จะบุชา อีเป๋อ คือบวงสวง อีเป๋อ

คาถาบางบท พวกยี่เก จะใช้เสกเป่าแป้งผัดหน้าทาปาก แม่ยก บ้ายี่เก ติด ตรึม แหะแหะ อะไรทำนองนั้น อะ

ก็คงมีมานานแล้ว อาจจะก่อนพุทธกาล ก็ได้ เพราะพระพุทธเจ้า ท่านไม่สรรเสริญ ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ จึงบัญญัติ เป็น วินัย เอาไว้ ใน 227 ข้อ

รอดูคำตอบเหมือนกัน

ได้ซี่อว่าเป็นศิษย์แห่งคถาคต ใยจึงมามัวเสียเวลาติดอยู่กับบ่วงของคาถา