เอาแล้วไงเสี่ยชูวิทย์เริ่มแผงฤทิธิ์ในสภาแล้ว...อยากรู้จังว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้เขาชนะเลือกตั้งหนนี้?

นักการเมืองอย่าง "เสี่ยชูวิทย์" ควรได้รับการสนับสนุนจากประชาชนทั่วทั้งประเทศแบบ "รากหญ้า" อย่างแท้จริง ในเมื่อเขาได้ประกาศจุดยืนและเจตนาของเขาล้วงหน้าอย่างชัดเจนแล้ว ประชาชนก็มีความนิยมชมชอบ จึงได้เลือกเขาเข้ามาทำหน้าที่เป็นหูเป็นตา เป็นปากเสียงในสภาให้กับคนทั่งประเทศ

ยุทธการและการเดินแต้มในการหาเสียงของเขาก็ถูกต้อง คือแม้จะเป็นพรรคที่ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ แต่เขาใช้แบบลงตามรายชื่อเลือกพรรค ไม่ใช่แบบท้องถิ่น เพื่อให้โอกาสคนทั่วทั้งประเทศมีโอกาสเลือกเขาได้ (ถ้ามีความศรัทธา) โดยไม่ต้องเอาเงินไปแจกไปโปรยตามท้องถื่น นักการเมืองที่ดีแต่มีทุนน้อยก็ควรใช้ยุทธวิธีนี้ในการแข่งขันเพื่อให้มีโอกาสได้รับเลือกเข้ามารับใช้ประชาชน และผลก็ออกมาอย่างชัดเจน ที่พรรคเขาได้รับคะแนนสูงพอที่จะได้ถึง 4 ที่นั่ง แสดงว่าประชาชนต้องการนักการเมืองชนิดนี้ ที่มีจุดยืนที่ชัดเจนและกล้าหาญ

ผมมีข้อแนะนำว่า ถ้าเขาจะทำ website (เช่น chuwit.com อะไรทำนองนั้น) แล้วพิมพ์จุดยืน ประกาศนโยบายของเขาด้วยตัวอักษร รายงานเกี่ยวกัยกิจกรรมที่เขากำลังทำอยู่ ทำ facebook ระบายความรู้สึกของเขาและรับรู้ถึงความรู้สึกของประชาชน และทำโปรแกรมลง yourtube อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่น่าสนใจต่อประชาชน ผมทราบว่าเขาคงทำเองไม่ได้และถ้าทำได้ก็ไม่มีเวลามาทำเองเพราะเวลาเขาก็มีค่ามากกว่าที่จะมาหมกมุ่นกับสิ่งเหล่านี้ แต่เขาจะจัดตั้งหาทีมเป็นคณะหรือกลุ่มคนที่เขาไว้ใจและรู้ใจเขาได้ และเขาจำเป็นต้องมีทีมงานที่จะเป็น IT ของเขา เป็นที่ปรึกษามีความเชี่ยวชาญในการเป็นตัวแทน ช่วยตอบคำถาม ลงภาพถ่ายของเหตุการณ์และกิจกรรม ลงวิดิโอให้ประชาชน ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเขาอย่างใกล้ชิดได้ 24/7 ผมคิดว่าเขาจะกลายเป็นมิ่งขวัญของประชาชนทั้งประเทศได้อย่างแท้จริง ถ้าเขาทำเช่นนั้น

และถ้าพรรคการเมืองหรือนักการเมืองคนใด จะทำเช่นนั้น เขาและพรรคการเมืองของเขาก็จะกลายเป็นผู้แทนของประชาชนได้เช่นกัน งบประมาณในการทำสื่อกับประชาชนในลักษณะนี้ใช้เงินน้อยกว่าลงโฆษณาในสื่อมวลชนใดๆหรือทางจดหมายหรือส่ง e-mail ผมไม่ทราบว่าทำไมไม่ทำกัน

ยุคนี้ วันนี้ และห้าปีที่แล้ว ไม่เหมือนกัน บุคลิกอย่างคุณชูวิทย์ น่าจะทำได้ ครับผม

จริง จริง ในส่วนของความรู้สึกขอเป็นกำลังใจให้กับคุณชูวิทย์

และขอให้เค้ายึดมั่น ถือมั่นกับสิ่งที่ตัวเองเคยพูดไว้ ตลอดช่วงระยะเวลาของการทำหน้าที่ เพื่อเป็นเสี้ยวหนึ่ง(เพียงแค่เสี้ยวหนึ่งเท่านั้นนะ) ที่จะไปเป็นตัวคัดคานสิ่งไม่ดีที่จะเกิดขึ้นในสภา

ในความเห็นส่วนตัวนั้น การที่คุณชูวิทย์กล้า บ้า ดีเดือด และชื่อพรรครักประเทศไทย สิ่งพวกนี้แหละ ที่ทำให้เค้าสามารถเค้ามานั่งในสภาได้

ขอให้คุณชูวิทย์ทำได้สำเร็จ และถ้าคุณทำได้จริงไม่แน่อนาคตคุณอาจไปได้ไกลกว่านี้แน่น��¸­à¸™..........

ฉันรักเธอ

รักประเทศไทย

อย่างแรกเป็นสโลแกน อย่างหลังเป็นชื่อพรรค

เชื่อว่า ณ วันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักชายคนนี้ คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักการเมืองฝีปากกล้า หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ผ่านการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร ในปี ๒๕๕๔ ได้ สส.เข้ามาถึง ๔ คน ซึ่งนับว่าไม่ธรรมดา ด้วยการชูนโยบายที่ชัดเจนคือ หนึ่ง ขอเป็นฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล สอง ต่อต้านการคดโกงคอรัปชั่นอย่างแข็งกร้าว

ซึ่งเป็นเพียงพรรคเดียว(ในจำนวนหลาบสิบพรรคที่ลงชิงชัย)ที่ชูนโยบายเด็ดเดี่ยวอย่างนี้

จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมคุณชูวิทย์กับทีมงานจึงได้รับเลือกเข้ามาด้วยคะแนนอย่างท่วมท้น!

เพราะผู้คนกำลังเบื่อหน่ายต่อการบริหารของรัฐบาลที่ป้อแป้ เป็นสาละวันเตี้ยลงๆ คนไทยเอือมระอาต่อการโกงกินในหลายรูปแบบ เรียกว่าจี้ลงไปตรงไหนก็เจอคอรัปชั่นทà¸��้งนั้น ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องปากเรื่องท้องตกไปอยู่ในมือของคนเพียงไม่กี่คน ที่เป็นบรรษัทข้ามชาติและในประเทศ

ปูมหลังของคุณชูวิทย์มีลักษณะคล้ายกับองคุลีมาน คือเคยเดินอยู่บนถนนสายโลกีย์มาอย่างโชกโชน เคยเปิดอบอาบนวด และเป็นเจ้าของอีกหลายบริษัท มีทรัพย์สินราว ๑.๔ พันล้านบาท ก่อนที่จะล้างมือและหันมาทำงานช่วยสังคมและการเมือง ��¹ƒà¸™à¸­à¸”ีตเคยเป็นหัวหน้าพรรคสู้เพื่อไทย และเคยเป็นรองหัวหน้าพรรคชาติไทย เกิดเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๐๔ เป็นคนเชื้อสายจีนย่านเยาวราช มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Davis Kamol

มีผู้ตั้งฉายาให้ว่า “เสี่ยอ่าง” “จอมแฉ”

คุณชูวิทย์เรียนจบปริญญาตรีทางด้านพาณิชยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบปริญญาโทจากมหา วิทยาลัยแซนดิเอโก สหรัฐอเมริกา และจบรัฐศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เคยออกมาแฉหลายเรื่อง เช่น ส่วยตำรวจ และการทุจริตต่างๆ

เพราะเป็นคนที่จริงจัง ดุดันและดุเดือด ตรงไปตรงมา และไม่อ้อมค้อมหรือเกรงใจใคร ทำให้เป็นต้องตาต้องใจของคนไทยจำนวนมาก จึงพากันเทคะแนนให้ เคยทำร้ายพิธีกรทีวีเนื่องจากถูกดูถูกทางด้านวาจา แต่ตอนหลังก็ได้กล่าวขอโทษขอโพยกันแล้ว

ประการแรก ผมชอบใจที่คุณชูวิทย์ประกาศอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “จะขอเป็นฝ่ายค้าน” เพื่อตรวจสอบการทำงานของ สส.และรัฐบาล ซึ่งแน่นอนอยู่แล้ว ไม่มีใครอยากจะเป็นฝ่ายค้าน เพราะ(ยอมรับกันแล้วว่า) “อดอยากปากแห้ง” ผู้สมัคร สส. ทุกคนหวังจะที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาล(ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนๆ) เพื่อจะถอนทุนและกอบโกย แม้จะเป็นเพียงไม้ประดับก็ตาม

แต่คุณชูวิทย์กล้าหาญมากที่ประกาศตนเองเป็นฝ่ายค้าน และยอมอดอยากปากแห้ง!

เพราะเห็นว่า การถ่วงดุลอำนาจเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ในการปกครองระบอบประชาธิปไตย

ประการต่อมา คุณชูวิทย์ประกาศที่จะต่อต้านคอรัปชั่นทุกรูปแบบ เราจึงขอเอาใจช่วยที่จะไม่ไปเจอตอเสียก่อน ซึ่งจะทำให้ทดท้อและเลิกรา เราต้องยอมรับว่า การคดโกงมันเป็นมะเร็งร้ายที่เข้ากัดกินในสายเลือดของประเทศไทยมานานแสนนานแล้ว

จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ มีการทำโพลสำรวจออกมาพบว่า คนไทยจำนวนมากทำใจ “ยอมรับการคอรัปชั่นได้ เพียงแต่ขอให้เอามาแบ่งกันบ้าง” เหมือนดังที่พระวจนะกล่าวว่า “จะหาคนซื่อตรงในท่ามกลางมนุษย์สักคนก็ไม่มี”

ปัจจัยสำคัญ ก็น่าจะเป็นที่ฝีปากอะ คุณชูวิทย์เป็นคนพูดอะไรตรงๆ ประชาชนก็เลยอยากให้เขาได้ลองใช้ฝีปากของเขาได้ช่วยแก้ไขปัญหาการเมืองมั้งค๊ะ ^__^

เป็นตัวของตัวเอง ปัจจัยของพี่เค้าก็มุ่งมั่นที่จะเป็นฝ่ายค้านที่ไม่มีนักการเมืองหน้าไหนเคยเสนอตัว

มีแต่สนองตัณหาด้วยการโกงกิน ประชาชนส่วนใหญ่ชอบพวกโกงกินด้วยสิ64.5%ของประเทศนี้รับบบบบบบได้

เป็นตัวแทนของความปลดปล่อยไงล่ะ

เพราะประชาชนส่วนหนึ่งเบื่อพวกมีอาชีพเลือกตั้งค่ะ ก็เลยต้องการลองของแปลก ๆ บ้าง

เขากำลังจะกลายเป็น อุดม แต้พานิช 2 สีสันที่ไม่รู้ว่าจะมาแนวไหน

เห็นด้วย และไม่เห้นด้วย ในหลายๆ ประเด็น ที่ตอบมาก่อนหน้านี้

ที่ผมอยากจะตั้งข้อสังเกต คือ อย่างท่าน ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์

มีฉายา ว่า ตรงเป้นไม้บรรทัด สะท้อนว่าท่านตรง หรือเป้นคนดี

แต่ภาพลักษณ์ของการเป้นคนดี กลับมีแค่ที่นั่งเดียว ในสภา

ลีลา ของท่านชูวิทย์ ก็เป้นอีกจุด ที่ไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน

แต่มองภาพรวม ในสิ่งที่นักการเมืองคนนี้มี คือ เขามีฐานมวลชน

ฐานมวลชน กลุ่มใหญ่ดั้งเดิม อาจจะเป้นแฟนเก่า ตั้งแต่สมัยขอ ลง

เป้นผู้ว่า กทม. ซึ่งอาจจะได้แก่ กลุ่มคนที่ทำงานกลางคืน เช่น

พนักงาน ใน ไนท์คลับ ผับ บาร์ ซึ่งไม่ได้มีแต่หมอนวด เท่านั้น

แต่ยังมี ร้านอาหาร สถานบันเทิง นักดนตรี คนขับแท็กซี่ ฯลฯ

กลุ่มประชากร ที่ทำงานกลางคืน ในกรุงเทพ น่าจะเป้นหลักแสน

กลุ่มประชากร ที่ทำงานกลางคืน ทั้งประเทศ อาจจะใกล้ๆ หลักล้าน

คนที่เลือกเขาคงจะเห็นลีลาการกล่าวหาผู้อื่นโดยไม่เกรงกฏหมายหรือผู้ใด

เจ๊ดูๆแล้วเหมือนดื้อหัวชนฝา ดันทุรังแถกไปเรื่อย เจ๊เป็นห่วงอนาคตพรรคเขาจัง..

เขาสามารถพูดในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าพูดเพราะคำว่า..มารยาททางสังคม..ค้ำคอหอย

แต่ชูวิทย์..ไม่ อย่างน้อยพวกที่เคยโกงกินได้สบายๆก็เจอก้างชิ้นใหญ่หละนะ