Yahoo Answers is shutting down on May 4th, 2021 (Eastern Time) and beginning April 20th, 2021 (Eastern Time) the Yahoo Answers website will be in read-only mode. There will be no changes to other Yahoo properties or services, or your Yahoo account. You can find more information about the Yahoo Answers shutdown and how to download your data on this help page.

ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์คุณอยู่ในระดับใหน....?

วันนี้มารเอาความเชื่อมารยุแยงให้เพื่อนๆขัดแย้งกันละ...เราเชื่อในบาป บุญ คุณโทษ เชื่อนรก สวรรค์เชื่อในกรรมมะแล้วเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์กันใหมค่ะ..ใสยศาสตร์ที่เขาว่ามีทั่งไสยดำ ไสย์ขาว เป็นอย่างไรมีจริงหรือไม่...และที่สำคัญ..คุณเชื่อเรื่องทรงเจ้าเข้าทรงใหม..และเชื่อในศาสตร์แห่งการพยากรณ์หรือไม่ มารสับสน ไม่รู้ว่าตัวเองเชื่ออะไร..แต่"ผี"น่ะกลัวแน่กลัวทั่งที่ไม่รู้ว่ามีจริงหรือเปล่า..ไม่เคยคิดพิสูจน์ไม่เคยคิดอยากลองอยากรู้ด้วย..มีไม่มีก็ช่างมารไม่สน..มารกลัว..บรื้ออออ....

13 Answers

Rating
  • 8 years ago
    Favorite Answer

    ไสยศาสตร์

    ศาสตร์ทั้งหลายบนโลกนี้แบ่งแยกได้เป็น 2 ศาสตร์ใหญ่ๆคือ

    1 พุทธศาสตร์ หมายถึงศาสตร์แห่งการตื่น เปรียบได้กับความรู้หรือความเข้าใจและ การกระทำต่างๆที่สามารถแสดงและพิสูจน์ให้ผู้อื่นรู้จริงเห็นแจ้งชัดสามารถแสดงให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจได้ทุกขั้นตอ นอย่างเป็นหลักการ เช่น วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้น

    2 ไสยศาสตร์ หมายถึงศาสตร์แห่งการหลับ เปรียบได้กับความรู้หรือความเข้าใจและ การกระทำต่างๆที่ไม่สามารถพิสูจน์ให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจได้อย่างเป็นหลักการทุกขั้นตอน แต่สามารถให้ผลลัพธ์ ให้คุณ แสดงผล และแสดงคุณของไสยศาสตร์ได้ตามความต้องการของผู้กระทำได้ และแม้ว่าไสยศาสตร์จะหมายถึงการ หลับใหล ก็ตามแต่ก็ หมายความว่าเป็นเพียงการหลับของร่างกายสังขารเท่านั้น โดยนัยยะ จริงๆก็คือเป็นการหลับเพียงร่างกายเท่านั้นแต่ “จิต” เป็นผู้ กระทำนั่นเอง ดังนั้น ไสยศาสตร์ จึงสรุปได้ว่าคือการกระทำให้สำเร็จได้ด้วยจิตโดยไม่สามารถพิสูจน์หรือแสดงขั้นตอนการกระทำหรือชี้แจงหลักการของความเป ็นไปของการกระทำได้นั่นเอง(ยกตัวอย่างเช่น การฝังรูปฝังรอย ที่ใช้วิธีนำเอาดินมาปั้นเป็นรูปคนสองคนแล้วนำมามัดเข้าด้วยกันเพื่อให้รักกันนั้นหากมองในทางไสยศาสตร์ก็คือวิชชาเสน ่ห์ประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ยอมรับและใช้ได้ผลกันมานานนับร้อยๆปีแต่หากมองในแง่พุทธศาสตร์แล้วกลายเป็นเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้เ ลยว่าการที่นำดินสองกองมาปั้นเป็นรูปคนแล้วนำมาผูกกันจะเกี่ยวข้องอะไรกับการที่จะให้คนสองคนนั้นมารักกันได้ เป็นต้น)

    ไสยศาสตร์ยังแบ่งออกเป็นอีก 2 สาย คือ

    1 ไสยวิชชา หมายถึงวิชาหรือพิธี,วิธี ที่ได้รับการสั่งสอน อบรมสั่งสอนหรือมอบให้(บางคนเรียกว่าครอบให้)ต่อๆกันมาแบ่งออกเป็น

    1.1 วิชชาไสยขาว โดยทั่วไปหลักการของวิชชาไสยขาวจะต้องมีหลักการหรือหัวใจสำคัญคือต้องใช้ไปในทางช่วยเหลือผู้อื่นเท่านั้น

    1.2 วิชชาไสยดำ หลักการโดยทั่วไปของวิชชาไสยดำจะแตกต่างจา��วิชชาไสยขาวโดยสิ้นเชิงคือมุ่งเน้นสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นเป็นหล ักสำคัญโดยไม่ต้องมีแรงจูงใจหรือหลักการใดๆทั้งสิ้น (ยิ่งมีผู้เดือดร้อนกับการกระทำของผู้เรียนวิชชาไสยดำมากเท่าไหร่พลังของผู้ที่ศึกษาของวิชชานี้ก็จะยิ่งแกร่งและแก่ก ล้าขึ้นมากเท่านั้น)

    2 ไสยอวิชชา หมายถึงวิชาหรือพิธี,วิธี ที่คิดค้นขึ้นเองโดย ผู้ทำพิธี ซึ่งต้องอาศัยอำนาจของสิ่งที่ มีพลัง มีฤทธิ์ มีอาถรรพ์ นำมาเป็นปัจจัยหลัก

    (ในบางกรณีมักมีการ กล่าวอ้างว่าไสยศาสตร์ คือเดียรฉานวิชานั้น เป็นความเข้าใจที่ผิด ๆ เพราะคำว่าเดียรฉานแปลว่าสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังขนานกับพื้น ซึ่งตรงข้ามกับคำว่านิรฉานซึ่งหมายถึงสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังตั้งฉากกับพื้น คำว่าเดียรฉานวิชาจึงอาจ หมายถึงการด่าหรือต่อว่า ประณาม หยามเหยียดซะมากกว่า)

    ที่มา : http://romphosai.com/forums/forum17/thread65.html

    มาลองดูในบริบทของความเป็นจริงของสังคมไทยในเรื่องความเชื่อและไสยศาสตร์

    สังคมไทยถูกปลูกฝังให้อยู่กับการไปวัด ทำบุญ เชื่อเรื่องบาป บุญ รวมไปถึงการเชื่อในเรื่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงเป็นเรื่องยากที่จะขจัดความเป็นอยู่และความเชื่อของคนไทยที่มีมาตั้งแต่โบราญนี้ไปได้และถึงแม้ในอนาคตหรือต่อๆไปในภายภาคหน้านั้นคนไทยก็ยังคงมีความเชื่อในแบบนี้อยู่อย่างต่อไป

    ถามว่าความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์นั้นเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี

    แน่นอนครับคำตอบที่ได้นั้นก็แตกต่างกันไปแล้วแต่ละบุคคล หากเรามองว่าเป็นเรื่องดีมันก็ด้านดีอยู่ในแง่ของการสร้างกำลังใจ และทำให้จิตใจสงบ หากมองในแง่ลบแล้วล่ะก้ มันก็ส่งผลอื่นๆตามมาจากการใช้ในทางที่ผิด มันก้เหมือนกับดาบสองคม ที่หากเรารู้จักใช้ให้ถูกมันก็สนองประโยชน์แก่เรา หากเราใช้ในทางที่ผิดสิ่งที่เกิดก็คงเป็นการรับผลที่เรากระทำเองนั่นแหละ

    ไสยศาสตร์เป็นปัญหาสังคมไหม?

    จะมองให้เป็นปัญหาสังคมก็มองได้หรืองจะมองไม่ให้เป็นปัญหาสังคมก็ได้ กล่าวคือ ถ้ามองในแง่ของการเป็นปัญหสังคมก็อาจจะเกิดได้ว่ามีความงมงายจนเกินไปและไปสร้างความเดือดร้อนแก่คนอื่นและสังคม นั่นก็อาจจะเป็นปัญหาสังคมก็เป็นได้ หากเกิดจากการกระทำและความเชื่อที่มีในแง่ลบ และหากมองในแง่ที่ไม่เป็นปัญหาสังคม ก็คือเป็นความเชื่อส่วนบุคคล ความเชื่อที่แต่ละคนมีอยู่ในตัวเองและไม่ไปก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่บุคคลอื่น นั้นก็อาจจะไม่เป็นปัญหาสังคมก็ได้

    Source(s): www.oknation.net/blog/charlity-sudteen/2009/01/25/entry-1
  • ระดับศูนย์ครับ คือไม่เชื่อเลย

    ใครเชื่อผมก็ไม่ว่าไร และก็ไม่พยายามให้เขามาทางผม

    ถ้าเขาถามว่าทำไมผมจึงไม่เชื่อ ผมจึงจะอธิบาย แต่ไม่เอาความไม่เชื่อของเราไปยัดเยียดให้ใครหากเขาไม่ได้ขอ

    ผมไม่เชื่อผมสบายใจของผมดีอยู่แล้ว

    ส่วนเรื่องเชื่อในบาป บุญ คุณโทษ นั้นเชื่อไหม ผมเชื่อครับ เป็นชาวพุทธย่อมเชื่อในกฏแห่งกรรม The Law of Cause and Effect. แต่ผมไม่เชื่อในไสยศาสตร์ ความลี้ลับ โหงวเฮ้ง มงคล ฤกษ์ยาม เชื่อในคุณแห่งความดี เชื่อว่าเมื่อทำไม่ดีเราเองเป็นคนเสื่อม เชื่อในคำสอนของพระพุทธองค์ล้วนๆ ไม่เชื่ออะไรที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ คำสอนของพระพุทธองค์เป็นตรรกะ และพิสูจน์ได้ด้วยตัวของผมเอง

  • 8 years ago

    เราเชื่อใน บาป บุญ คุณ โทษ แน่นอน ทำดี ได้ดี นั้นแน่นอน ทำชั่วได้ชั่ว แน่นอนอีกเหมือนกัน อาจจะช้าบ้าง เร็วบ้างตามครรลองของมัน ส่วนไสยศาสตร์ที่ว่านั้นไม่เชื่อนะ แต่ก็ไม่เคยลบหลู่อ่ะ ผีกลัวเหมือนกันแต่กลัวคนมากกว่า

    ผีมาแต่ตอนกลางคืน( เราคิดไปเองป่ะ) คนอ่ะนะแหมหลอกกันได้ทั้งเช้า สาย บ่าย เย็น บรื้ออออเหมือนกัน อิ อิ

  • 8 years ago

    ระดับศูนย์ค่ะ

    ส่วนเรื่องบาปบุญนั้น ไม่ได้คิดเรื่องว่าทำดีจะได้ขึ้นสวรรค์ ทำไม่ดีตกนรก

    แต่ทำดีเพราะเป็นสิ่งที่จะทำเมื่อมันถูกต้องแค่นั้นเองค่ะ

    อาจมีเผลอตามอารมณ์มนุษย์ที่มีควาวมอยากหรือตัณหาก็เคยทำไม่ดีบ้างค่ะ

    แต่ก็พยายามควบคุมจิà��•à¹ƒà¸ˆà¸•à¸±à¸§à¹€à¸­à¸‡à¹à¸¥à¸°à¸„อยเตือนค่ะว่าให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องค่ะ

  • How do you think about the answers? You can sign in to vote the answer.
  • ผมเชื่อในผลของกรรมคือการกระทำครับ

  • 8 years ago

    ในระดับของการรับรู้ว่ามีอยู่ในทุกประเทศทั่วโลก และในประเทศไทย

    ก็มีอยู่ทั่วไป ได้เห็นการทรงเจ้าเข้าผี แต่ไม่ได้ไปร่วมพิธีกรรมยังไม่เคยใช้บริการ

    ส่วนหนึ่งที่คนชอบเพราะการคิดหาเหตุผลอาจต้องใช้เวลามากกว่า อาศัยใครสักคน

    มาบอกว่า ควรทำอย่างไร และบางคนเชื่ออย่างชนิดที่เชื่อมาก

    เช่น คนที่มีพ่อป่วยเดินไม่ได้มาหลายปี วันหนึ่งมีคนมาบอกให้ไปหาพ่อปู่ เขาก็พา

    กันไปเพราะพ่อบอกว่าเบื่อโรงพยาบาลและเบื่อยาแล้วอยากจะตายไปเลย แต่เมื่อ

    พ่อปู่เป่าและนวดไปสักพัก พ่อของเขาสามารถเดินออกมาจากห้องเอง

    แม้ยังไม่สามารถเดินได้แข็งอย่างคนปกติ และพ่อของเขาก็มีชีวิตที่มีความสุขกับ

    การเดินได้อีกครั้งแม้ว่าหลายเดือนต่อมาแกจะเสียชีวิตไปตามสภาพของวัยก็ตาม

    อย่างนี้เราจะไปบอกว่า ไม่ให้เชื่อก็ทำไม่ได้ ได้แค่มองดูว่ามีสิ่งนี้

    ดังนั้นจึงบอกได้เพียงว่า รับรู้ แต่ ไม่ได้มีสิ่งใดเป็นสรณะนอกจากพระรัตนไตยอยู่ดี

  • komet
    Lv 7
    8 years ago

    เป็นว่า เรา"เชื่อครึ่ง จ่ายครึ่ง"ดีกว่าค่ะ,

    เเละเชื่อเรื่อง บุญ บาป และกรรมตามสนองไม่วันนี้ก็วันหน้า ไม่ชาตินี้ก็ชาติไทยค่ะ,

    และเรื่องคุณใสยฯนี่ เราไม่รู้ว่ามีจริงหรือเปล่านะ เพราะเมื่อก่อนตามคำบอกเล่า จะหนักไปทางมนต์ดำเขมร,ทางผีของเผ่าต่างๆๆบนดอยสูง คงเป็นเพราะยังไม่มีใครในกรุงเข้าไปถึง การศึกษาก็สั่งสอนกันสืบๆๆมาเป็นการบอกเล่า คงไม่มีใครนั่งสอนเขียนเป็นกอไก่ ถึงฮอนกฮูก หรือเอถึงเเซดหรอก ออกมาเป็นหนังสือให้อ่านๆๆหรอกค่ะ,

    และเรื่องทรงเจ้า+เข้าทรง เราไม่เชื่อ แต่ชอบที่จะไปดูเขาทรงค่ะ,

    ผีเราก็ไม่กลัว เพราะไม่ได้ไปอยู่ด้วยกัน และคงยังไม่มีวันนั้นด้วย แต่คง"ตามไป"ทีหลัง จากสิ้นอายุขัยแล้วละค่ะ..

    ที่น่ากลัวที่ซู้ดดด เราว่า "คน"ที่มีชีวิตอยู่ด้วยกันเองแหะลค่ะ ที่น่ากลัวยิ่งกว่า"ผี",

    ผีหลอกก็ยังพอทน แต่คนหลอกคน นี่ซิมันวายแสนวุ่น ผีที่ร้าย ยังร้ายไม่เท่าตัวคุณ หลอกฉันหัวหมุน หลอกฉัน

    แล้วคุณก็หนีไป..

  • 8 years ago

    เชื่อในสิ่งที่เห็นถ้าเห็นด้วยตาก็คงเชื่อ

  • 8 years ago

    ไม่เคยเจอ อยากเจอเหมือนกัน จะได้ขอหวยซะเลย 55

    เคยมีมาเข้าฝันเหมือนกัน นานๆๆๆทีหนึ่งเองค่ะ

    มาขอขนมกิน เห็นเราทำงานดึกกินขนมบ่อยๆ มาเขย่าตัวข้างเตียง ตกใจตื่นมา คงเป็นนางกวักบนหิ้งของหอพักที่ไปอยู่น่ะ เลยให้เจ้าของบ้านย้ายออกไปกราบไหว้เซ่นอาหารบ้าง

    แล้วก็ไม่เห็นเขามาหาอีกเลยค่ะ มาแบบใส่ชุดไทยมาด้วยนะ เคยของหายทีหนึ่งที่นี่ ก้ได้คืนด้วย เด็กของเจ้าของบ้านขโมยไป ตอนแรกก็ไม่รับ เค้นไปมาก็รับค่ะ

    มาให้เจอจะๆกอน เดวจะเชื่อ...

    แต่ก็ไม่ลบหลู่ อิอิ

  • NATO
    Lv 6
    8 years ago

    กลัวผีก็ไม่ต่างจากลัวตัวเอง...เพราะเราก็คือผีดิบดีๆนี่เอง วันหนึ่งเราก็ต้องกลายเป็นผี ผีก็คือตัวเรา กลัวผีก็แสดงว่ากลัวตัวเราเอง...ที่กลัวนะเพราะเราหลอกตัวเองต่างหาก

    ไสยศาสตร์ ทรงเจ้าเข้าทรงไม่เชื่อนะ แล้วก็ไม่ชอบ ไม่ต้องให้ใครมาดูเรา..แค่เราดูการกระทำของตัวเองดีกว่า...ส่วนโหราศาสตร์ ชอบนะศึกษานะในเรื่องของดวงดาวน่าสนุก..แต่ไม่ชอบให้ใครมาดู...ตัวเรายังดูตัวเองไม่ออกแล้วใครจะมารู้จักตัวเราเท่าตัวเราเอง...มันอยู่ที่การกระทำของเราต่างหาก เรื่องของวาสนา ชะตาลิขิตตามดวงดาวเพียง 30% ตามพื้นฐานชะตา นอกนั้นอยู่ที่ผลของการกระทำและสภาพแวดล้อมต่างหาก

Still have questions? Get your answers by asking now.