น้ำท่วมใหญ่ในครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณบอกอะไรให้กับประชาชนทราบ?

น้ำท่วมครั้งนี้มีข้อสังเกตว่ารัฐบาลหลายประเทศนิ่งเฉยในการช่วยเหลือ

หรือให้ความช่วยเหลือเหมือนให้ไปอย่างนั้น

สาเหตุลึก ๆ อาจมองว่าอุทกภัยในครั้งนี้เป็นมากกว่าภัยธรรมชาติ

แต่มีผู้จงใจให้มันเกิดชนิดว่าจะ reset ประเทศไทย

ดังนั้นต่างชาติจึงนิ่งเฉยในการให้ความช่วยเหลือผ่านรัฐต่อรัฐ

ในส่วนของรัฐบาลในหลายสมัยมีการส่งคนไปดูงานต่างประเทศ

เชื่อว่าคนที่เอาความรู้ดี ๆ มาเสนอก็มาก

แต่สุดท้ายก็เป็นแค่โครงการกระดาษเพราะผู้มีอำนาจไม่สนใจ

งบวิจัยบ้านเรามีน้อยมาก เพราะทางการชอบซื้อของสำเร็จรูปจากเอกชนทั้งในและต่างประเทศ

อะไรที่เราต้องปรับปรุง?

"การศึกษา" หลายปีที่ผ่านมาการศึกษาล้มเหลว

เด็กต้องไปเรียนพิเศษเพราะการศึกษาในภาคปกติไม่พอ

ครูสอนหนังสือแบบหนี้ท่วมหัวไม่มีกำลังใจทุ่มเทให้งาน

พ่อแม่สอนหนังสือลูกไม่ได้แล้ว เพราะเรียนหลักสูตรคนละภพ

ถ้าพัฒนาคนให้มีคุณภาพแล้ว การพัฒนาประเทศจะทำได้ดี

เหมือนนักกีฬาที่เล่นในตำแหน่งของตนเองได้

นักกีฬาแต่ละคนก็จะสามารถแสดงศักยภาพของตนได้เต็มที่

แต่ดูเหมือนผู้ใหญ่บ้านเราอยากให้คน "โง่" จะได้พึ่งตนเองไม่ค่อยได้

และคอยความช่วยเหลือ จะได้ปกครองง่าย ๆ

สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่ได้คิดเองทั้งหมด

แต่เอาข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่งมาปะติดปะต่อเอาเอง

หายไปนานนะครับ

บอกให้่รู้ว่า

ทุกสิ่งต้องกลับสู่สามัญ

พ่อหลวงคิดทุกสิ่งไว้สามารถใช้ได้ชั่วลูกชั่วหลาน

แต่เพราะคนมากมายมัวแต่มองอย่างอื่นจนลืมจนเกิดปัญหาเช่นทุกวันนี้

หนึ่งบอกกับประชาชนว่าธรรมชาติได้เวลาเอาคืนแล้วและยังคงเอาคืนอีกต่อๆไปจนกว่าจะสาสมกับที่มนุษย์ทำไว้กับธรรมชาติและสองบอกกับประชาชนว่าเราไม่ควรไปทำมิดีมิร้ายต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปวงชนชาวไทยเคารพนับถือเลย

บอกให้รู้ว่าไทยไม่มีระบบชลประทานไงครับ เพราะถ้ามี ในหน้าน้ำหรือหน้าฝนต้องสามารถกักเก็บไว้ใช้ในหน้าแล้งได้ แต่เมื่อถึงหน้าแล้งก็ไม่เคยเห็นมีน้ำเหลือให้ทำการเกษตรได้สักปี

จากประสบการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 38 บ้านผมใต้ถุนบ้านก่อนหน้านั้นยังแห้งในหน้าร้อน แฉะก็หน้าฝน แล้วมาใช้ได้อีกครั้งตอนหน้าหนาว แต่ทุกวันนี้ทั้งกะปีสีกะชาด น้ำท่วมตลอดไม่เคยแห้งซักวันตลอดมาจนถึงวันนี้ วัฒนธรรมการใช้ประโยชน์ใต้ถุนบ้านหมดไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ถัดจากนั้นปี 49 ท่วมอีก และมาครั้งนี้ 53 จากปี 38 มาปี 49 ใช้เวลาประมาณ 12 ปี จาก 49 มาปี 54 ใช้เวลา 5 ปี ถามว่าจากตัวเลขนี้บงบอกถึงอะไรบ้าง ในแนวคิด

1. นับวันช่วงเวลาน้ำท่วมมากยิ่งเกิดใช้เวลาเกิดสั้งลง

2. แผ่นดินที่เราอยู่ทรุดเป็นผืนใหญ่จนเราไม่รู้สึกด้วยน้ำหนักของน้ำที่มหาศาลมีใครเคยสังเกตบ้าน

3. ความรุนแรงของการเกิดหนักข้อขึ้นศุงข้ำของระดับน้ำ

4. การใช้งบประมาณศึกษาเรื่องน้ำมีน้อย มุงแต่จะสร้างเขื่อนกินงบกัน

5. ความมั่นใจต่อการลงทุนของชาวต่างชาติเริ่มคิดถึงความคุ้มทุนแล้ว ซึ่งหน่วยงานรัฐให้การช่วยเหลือไม่เท่าที่ควร เพราะติดกับกฏและระเบียบ รวมถึงความรับผิดชอบ หากทำลงไปในเรื่องผ่อนปรน

6. ที่สุดประชาชนไม่แน่ใจในชีวิตและทรัพย์สินต่อไปในภายภาคหน้าแล้ว ว่าปีหน้าจะไม่เกิดอีก อาจนำไปสู่การละทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดได้

ขอบคุณ ครับ

บอกว่า...ถึงเวลาที่คนไทย และ คนทั้งโลก ควรจะอยู่กันอย่างรักและสามัคคี รักธรรมชาติ ห่วงสิ่งแวดล้อม เลิกทำลายทำร้ายสิ่งแวดล้อม ตลอดจนผู้คนเอง ที่ปัจจุบันต่างต้องการเอาชนะชิงดีชิงเด่นกันทุกๆด้าน จากจุดเล็กๆ นี้ทำให้เกิดเป็นปัญหาใหญและบานปลายได้มากมายก่ายกองอย่างที่เห็นเช่นปัจจุบันนี้ เมื่อคนมักใหญ่ใฝ่สูงมักมากในลาภยศก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างโดยไม่สนใจ คุณธรรม สัจจธรรม และ ธรรมชาติ พร้อมที่จะเข่นฆ่าและล้างผลาญโดยไม่สนใจถึงวิธีการว่าจะเลวร้ายปานใด แต่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนพวกพ้องตนเท่านั้น ดังนี้ถึงแม้ว่าน้ำมาใหญ่ในครั้งนี้ทำประชาชนเดือนร้อนแสนสาหัส อดอยากลำบากกันถ้วนหน้า แต่ไม่ช้าพวกอสูรและ เปรตในคราบมนุษย์ก็จะถูกน้ำกัดเซาะเผยให้เห็นความเป็นอสูรและเปรตของพวกมัน และเมื่อนั้นน้ำก็จะทำให้รู้ว่า อะไรคือดีและอะไรคือชั่ว มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์ ส่วนอสูรและเปรต ก็ต้องอยู่ในที่พวกมันควรอยู่และน้ำจะทำให้เราเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น น้ำท่วมครั้งนี้เดือดร้อนกันถ้วนหน้าแต่ในไม่ช้าทุกอย่างจะเข้าที่ทางได้ให้น้ำเป็นผู้ชะล้างเถิดถึงแม้พวกเราทุกคนต้องได้รับผลพวงแห่งความเดือดร้อนที่แสนสาหัสนี้เช่นกัน แต่เชื่อว่าเพื่อคนรุ่นหลังต่อไป วันนี้พวกเราต้องอดทน ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนที่กำลังเผชิญวิกฤติน้ำ รวมทั้งตนเองด้วย สู้ สู้ นะคะอย่าท้อค่ะ

ไม่มีอะไรมากกระมังคะนอกจากจะเตือนว่า "อีกไม่นานโลกก็จะแตกแล้ว"รักกันไว้เถิด"อย่าทะเลาะอะไรกันเลยนะ"

กฏธรรมชาติครับ

ไม่ได้หมายถึงน้ำท่วม เพราะมนุษย์พยายามเอาชนะธรรมชาติอยู่แล้ว

มนุษย์เมื่อล้านปีที่แล้ว ไม่รู้วิธีสร้างบ้าน ก็ต้องเอากระบองไปไล่หมีออกจากถ้ำแล้วครอบครองถ้ำนั้น

เมื่อพันกว่าปีที่แล้ว มนุษย์ข้ามแม่น้ำด้วยท่อนไม้ เรายังไม่มีสะพานใช้

เมื่อ ร้อยปีที่แล้ว เราสร้างบ้าน เรามีสะพา่น เรามีเขื่อนเพื่อกักน้ำไว้ใช้ยามขาดแคลน

สมัยนี้เราคอมฯ มีบ้าน มีแผนที่ มีทุกอย่างที่สามารถป้องกันภัยแค่น้ำท่วมเล็กๆแบบนี้ได้

แต่เราขาดสมอง และความจริงใจ ที่จะทำงานแก้ใขให้ให้บ้านเมืองรอดพ้นจากวิกฤต

สำหรับผม คิดว่าน้ำท่วมครั้งนี้จะเป็นการส่งสัญญาณให้ประชาชนรู้ว่า

ตัวเอาเองทำร้ายตัวเขาเองและเพื่อนร่วมชาติ

ด้วยการไปเลือกนกกระสามาเป็นนาย

อยู่เฉยๆในบ้านที่ทำจากลูกมะพร้าวที่ขูดเอาเนื้อออกหมดแล้ว ดีที่สุด

.

เป็นกรรมของประไทยมั้ง