Yahoo Answers is shutting down on May 4th, 2021 (Eastern Time) and beginning April 20th, 2021 (Eastern Time) the Yahoo Answers website will be in read-only mode. There will be no changes to other Yahoo properties or services, or your Yahoo account. You can find more information about the Yahoo Answers shutdown and how to download your data on this help page.

ตายแล้วไปไหน...ถ้ารู้ว่ายังไม่ไปไหนวิญญาณยังวนเวียนที่เดิมจาทำงัย?

คือว่า..คุณป้าอะคะท่านจากไปตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.54 ท่านเสียชีวิตที่บ้านด้วยโรคชรา..เราก็ดูแลท่านจนนาทีสุดท้าย ก่อนจากท่านถามว่า ถ้าป้าตายจากลัวป้ามัย ก็ตอบท่านว่าไม่กลัว...แต่เอาเข้าจริงกลัวแฮะ ไม่กล้าปิดไฟนอน ต้องเปิดทีวีทั้งคืนเป็นเพื่อน ...จนย้ายบ้านมาอยู่ที่ไหม่...ที่เดิมมีคนอื่นมาเช่าอยู่โดยเค้าไม่รู้ว่ามีคนตายที่นั่น...แล้วเค้าก็ไปเที่ยวถามคนโน้น คนนี้ว่าคนลักษณะนี้คือใคร คนที่เค้าเห็น..คนข้างบ้านบอกยาย(หมายถึงคุณป้าค่ะ)คนที่มาอยู่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เป็นคนที่อื่นมาเช่าบ้านเราอยู่..เค้าเห็นคุณป้า แต่ป้าแค่มานั่งยิ้มให้ แสดงว่าท่านยังอยู่ตรงนั้นหรือเปล่าคะ

9 Answers

Rating
  • 9 years ago
    Favorite Answer

    ขออนุญาตตอบตามความเข้าใจ ส่วนว่าใครจะเชื่อหรือไม่แล้วแต่จะใช้วิจารณญานค่ะ

    คนส่วนใหญ่อยากรู้กันว่าตายแล้วไปไหนแต่จนแล้วจนรอดก็เถียงกันไป ต่างความคิด

    คิดคนละแง่มุมและคิดตามแต่จะคาดเ***ันไป

    สำหรับดิฉันเชื่อว่า คนเราถ้าหมดลมหรือตายไปจะมีที่ไปแตกต่างกันซึ่งแต่ละคนไม่ได้ไป

    ด้วยกันเพราะแต่ละคนทำกรรมไว้ไม่เหมือนกัน กรรมในที่นี้หมายถึงกรรมดีและกรรมชั่ว

    ผู้ทำกรรมดีเช่นในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ได้หมั่นสั่งสมบุญคือทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ

    ภาวนาอยู่เนืองนิจ ประพฤติปฎิบัติตนเป็นคนดีเสมอต้นเสมอปลาย ละจากโลกไปวิญญาน

    ก็จะไปตามกำลังบุญที่ตัวเองได้ทำเอาไว้ ถ้าทำบาปก็ไปตามกำลังบาปที่ได้ทำเอาไว้

    อีกประเภทหนึ่งคือเกิดมาไม่เคยสั่งสมบุญ วัดก็ไม่เคยเข้าเหล้าก็ดื่มอยู่เป็นเนืองนิจ ศีล

    มีอะไรบ้างไม่เคยสนใจไม่เคยรักษาอยู่ไปวัน ๆทำตัวไม่มีแก่นสารไร้สาระ เมื่อหมดลม

    หายใจก็ไปตามกำลังบาปที่ตัวเองได้ทำมาตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต

    ทั้งนี้และทั้งนั้นเขาวัดกันตอนช่วงสุดท้ายของชีวิตว่าก่อนจะตายผู้ตายมีจิตใจผ่องใสหรือว่า

    จิตใจเศร้าหมอง ถ้าก่อนตายใจเศร้าหมองก็มีทุขคติเป็นที่ไป ส่วนผู้ที่ก่อนตายจิตใจผ่องใส

    เพราะนึกถึงแต่ความดีที่ตัวเองทำมาอย่างสม่ำเสมอได้ นึกถึงบุญกุศลได้ ทำให้ใจผ่องใส

    ใจเกิดความปิติ ผู้นั้นก็จะไปสู่สัมปรายภพหรือสุขคติภูมิ ไปเกิดในภพภูมิที่ดี

    อีกประเภทหนึ่งก่อนตายใจไม่ผ่องใส ใจไม่เศร้าหมอง คือเฉย ๆนึกอะไรไม่ออก เป็นห่วง

    เป็นกังวล จิตยังผูกพันอยู่กับครอบครัว และผูกพันอยู่กับสิ่งที่ตนเองรัก ทำให้วิญญานยังไม่

    อยากไปไหนเฝ้าวนเวียนอยู่บริเวณนั้น เพราะใจยังไม่คลายความผูกพันจึงยังไม่ได้

    ไปไหน แต่เมื่อใดที่ลูกหลานได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เรื่อย ๆบ่อย ๆและพูดบอกไปด้วย

    เพราะผู้ตายเขาเป็นกายละเอียดซึ่งเรามองไม่เห็นเขา แต่เขามองเห็นเรา เมื่อเราพูดออกไป

    ว่า "ขอให้ไปสู่สุขติเถิด อย่าได้เป็นห่วงเป็นกังวลอะไรเลย ขออุทิศบุญกุศลที่ได้ทำไปให้

    ขอจงอนุโมทนาบุญที่ทำให้ด้วยและจงทำจิตใจให้ผ่องใส นึกถึงบุญที่ตัวเองทำไว้ และบุญที่

    ลูกหลานทำให้ด้วยนะคะ"

    ให้ทำบุญให้บ่อย ๆพูดบ่อย ๆอีกไม่นานเมื่อใจเขานิ่งและหยุดรวมดีแล้วและนึก

    ถึงบุญทั้งหมดได้ และได้รับบุญที่ลูกหลานทำให้ด้วย เขาจะไปเองเมื่อถึงเวลา ลองทำดูนะคะ

    (คนแก่คนเฒ่าส่วนใหญ่จะผูกพันกับบ้านที่ตัวเองเคยอยู่ ผูกพันกับลูกหลานจะยังไม่ไปไหน

    ในช่วงที่ตายใหม่ ๆนอกเสียจากว่าญาติ ๆต้องหมั่นทำบุญและอุทิศส่วนกุศลให้บ่อย ๆทำไป

    ให้อย่างต่อเนื่องเดี๋ยวท่านหมดห่วงหมดกังวลท่านก็คงไปเองค่ะ)

  • 9 years ago

    ก็คิดว่าเมื่อถึงตอนนั้นแล้วก็คงจะคิดได้เองอ่ะนะคะ เพราะว่าตอนที่ตายไปแล้วอาจจะอยากอยู่ดูว่าลูกหลานเป็นยังไงบ้าง อาจจะยังคาใจเรื่องลูกหลานอยู่

  • komet
    Lv 7
    9 years ago

    มาตอบพร้อมกับมองๆๆไปด้วยว่า คงจากการที่คุณป้าห่วงว่าใครจะมาอยู่บ้านนี้หนอ ดูแลรักษาดีหรือเปล่า?,

    พอเห็นว่าคนอยู่ เอาใจใส่บ้านเหมือนตอนคุณป้าอยู่ ท่านก็คงดีใจที่มีคนรักบ้านห่วงบ้านเหมือนท่าน "ส่งยิ้ม"ให้กำลังใจคนอยู่ซะหน่อย..มังคะ?

    แต่มีคนบอกนะว่า คนที่ตายไปแล้วใหม่ๆๆน้ำหนักจะหายไป ยี่สิบเอ็ดกรัม งั้นก็แสดงว่า"วิญญาณ"มีน้ำหนัก"ยี่สิบเอ็ดกรัม" งั้นก็แสดงว่า"วิญญาณ"ลอยไปไหนต่อไหนได้ง่ายๆนะซิ..

    ตีซะว่า เป็น"การเล่า"นะà¸��้ะ อย่าถือเอาเป็น"คำตอบ"เพราะไม่เข้าข่ายข้อมูลดีๆๆเลย.

  • เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง..แต่..โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน..

    คืนที่สามของการสวดศพคุณแม่ของผม..หลานชายอายุหกควบ กำลังเล่นตามประสาเด็กไร้เดียงสา

    (ยังไม่รู้ว่านี่คืองานอะไร)อยู่ในศาลาที่ตั้งโลงศพของคุณแม่ผม..จู่ๆ..ทุกคนได้ยินเหมือนๆกันว่า

    "ยาย..ยาย..อย่าขวางหนู หนูจะเล่น"เป็นเสียงพูดของหลานชายที่กำลังเล่นหกคะเมนตีลังกาอยู่หน้า

    ตั้งโลงศพอย่างสนุก..สักครู่..หลังจากนั้นหลานชายร้องให้เสียงดังพร้อมกับวื่งไปหาแม่ของตัวเอง

    พร้อมกับพูด "ยายดุหนู..ยายดุหนู"ทุกคนในงานนิ่งเงียบ.....เหตุการณ์นั้นผ่านไป..หลังจากทำพิธี

    ปณกิจคุณแม่ผมเรียบร้อย..ลูกๆหลานๆทยอยเดินทางกลับบ้าน..หลานชายคนเดิม เริ่มร้องให้อีกครั้ง

    พร้อมกับพูดขณะร้องให้"ยาย..กลับบ้าน..ทำไมยายไม่กลับบ้าน..ยาย..กลับบ้านเถอะ "...นี่คือเรื่อง

    จริ��¸‡à¸—ี่เกิดขึ้น..ผมไม่ขอสรุป..ผมขอเพียงให้ดวงวิญญาญของคุณแม่ผมมีความสุขในทุกภพทุกชาติ

    หากชาติหน้ามีจริง ผมขอเกิดเป็นลูกของคุณแม่อีก....ด้วยดวงจิตคิดถึงแม่

  • How do you think about the answers? You can sign in to vote the answer.
  • Anonymous
    9 years ago

    ตายแล้ว จะไปตามวาระจิตที่ถูกผูกไว้กับสถานที่แห่งนั้น คือยึดติดพื้นที่เคยอาศัยมาก่อน

    ตายแล้ว ไปตามสภาพวะที่สมควรไป แต่จะมีสิทธิ์ร่ำลาญาติได้ ใน 7-10 วัน

    กรณีหลังนี้จะได้ไปในที่ที่ดี เสียส่วนใหญ่ เช่น ไปเกิดใหม่ หรือ ไปเสวยสุข หน้าจะไม่เศร้า

    มาปรากฏการแต่งกายดี แววตาสดใส หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส

    หากพบว่า ญาติมามีหน้าเศร้าหมอง ยืนก้มหน้า ไม่สบตา ถามอะไรก็ไม่ตอบ แต่งกายไม่ดี

    มาแบบนี้ กำลังตกที่นั่งลำบาก ให้ญาติ ๆ เร่งทำบุญใหญ่ ให้มาก ๆ มีลูกชายบวชให้ก็จะได้

    ดีขึ้นไวหน่อย เพราะจะได้บุญจากผ้าเหลืองที่ลูกทำให้ทุกวัน หรือ มีลูกสาวสวดมนต์ไหว้พระ

    ทำบุญ à¸��ือศีล กินเจ ให้ญาติผู้ใหญ่ ถ้าลูก ๆ ได้สนับสนุนให้ทุกวัน ก็ใช้ได้เหมือนกัน

    ตายแล้วจะไปไหน ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับการฝึกจิตปฏิบัติของแต่ละบุคคลด้วย อยู่ที่ว่าจิตใครยึด

    จิตใครปล่อยมากกว่ากัน

  • 9 years ago

    เออ! ก้อแล้วจะมีใครมาตอบให้ได้ไหมละครับนี่ ว่าตายแล้วไปไหน

    สมัยที่ลุงยังเป็นเด็ก จำได้ว่าก็เคยเห็นหนังสือหน้าปกจั่วว่า ตายแล้ว

    ไปไหน ก็ไม่นึกสนใจอยากอ่าน จนกระทั่งถึงวัยดึกเริ่มรู้สึกวังเวงแล้ว

    ก็เริ่มจะถามตัวเองเหมือนกันว่า ตายแล้วจะไปไหนดี เพราะที่จะได้

    ดับสลายหายหมดเหมือนพระนิพพาน ก็น่าจะสัมฤทธิ์แต่ผู้บรรลุธรรม

    ขั้นสูงสุดเท่านั้น ตามที่ลุงคิดนะครับ และก็คิดต่อไปว่า ถ้าหากลุงตาย

    แล้วยังไม่อยากไปเกิดใหม่ วิญญาณเราจะไปอยู่ที่ไหนดี และคิดต่อไป

    อีกว่า สถานที่ดีดีก็คงตัองมีเจ้าของ เขาจะอนุญาตให้วิญญาณลุงมาร่วม

    อาศัยด้วยอีกหà¸��ึ่งวิญญาณได้ไหม แต่ก็สรุปเสียเองว่า ถ้าเราทำดี สร้าง

    บุญ กุศลย่อมส่งให้วิญญาณสถิตย์อยู่ในที่ดีพอสมควรได้เอง

    มาวันนี้ ลุงรู้สึกว่า การที่ลุงมาช่วยตอบคำถามที่รู้รอบ ที่มาหยอกเย้า

    ให้มีสีสันก็คงเห็น แต่ความจริงใจอยู่ที่อยากช่วยแนะนำเพื่อให้คลายทุกข์

    ไม่ค่อยอยากบอกความรุ้สึกว่า น่าจะเป็นผลกุศลทันตาละมั้ง ลุงรู้สึกว่า

    ได้รับค่าหมากค่าพลูเพิ่มมากขึ้นมามั่ง กำลังเขม็บอยู่ ถ้าพกแน่นมาก

    แล้วแก้ออกมานับได้สักหมื่นกว่ากว่าเมื่อไหร่ ว่าจะไปซื้อไอ้เผ็ดมาใช้มั่ง

    อยากฝากคำถามสุดท้ายสักนิดว่า ถ้าลุงถูกย้ายชื่อออกจากทะเบียนบ้าน

    แล้ว แต่ที่รู้รอบยังไม่มีใครรู้ เพราะไม่ได้มีใครไปงานเลี้ยงส่งลุงเลย

    แต่ยังเห็นคำตอบจากลุงอย่างถูกใจทะยอยเข้ามาอยู่อีกนี่ ยังจะช่วยกันลง

    คะแนนให้ลุงเป็นคำตอบที่ดีเหมือนที่ผ่านผ่านมาอยู่อีกไหมล่ะครับ บรื้อ!!

    ลุงนี่ถามอะไรก็หม่ายรุ..... ขนลุก!

  • 9 years ago

    ท่านอาจยังไม่ถึงเวลาตามวิถีกรรมแหละครับก็เลยต้องอยู่คอยดูแลปกป้องลูกๆหลานๆที่นั่นไปจนกว่าเวลาของท่านจะมาถึง(อันนี้ไม่มีใครสามารถทราบได้เลยว่าจะมาถึงเมื่อไหร่)แต่ที่แน่ๆหากในช่วงเวลานั้นมาถึงและไม่มีใครพบเจอกับท่านอีกก็สมมุติฐานได้ขั้นหนึ่งว่าท่านได้เวลาแล้วตามวิถีกรรมครับ อย่าไปกลัวท่านหากต้องอยู่ด้วยกันเพียงไหว้พระภาวนาและบอกกล่าวให้ท่านได้รับรู้ว่าขออย่าให้ท่านมาให้เห็นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามก็เท่านั้นแหละครับท่านคงจะเข้าใจว่าคนที่อยู่กลัวนะครับฮึฮึ

  • 9 years ago

    ตายแล้ว ไปป่าช้า ครับ

    เขาไม่ไป เขาอยากอยู่ก็ให้เขาอยู่สิครับ

    ไอ้เรานี้ ก็แปลกนะครับ ชอบจับวิญญาณยัดให ยัดกรง หุหุ

  • sosaku
    Lv 5
    9 years ago

    ตายแล้วก็ไปที่ชอบๆๆ สิครับ

Still have questions? Get your answers by asking now.