การขอขมาศพมีความสำคัญอย่างไร?

มีความสำคัญทางด้านจิตใจของคนที่ยังมีชีวิตอยู่และเป็นผู้เกี่ยวข้องกับคนตายค่ะ

แม้ไม่มีผลทางกฏหมายใดๆก็ตาม

ไม่ว่าจะเต็มใจมาขอขมาหรือไม่ก็ตาม

ทางฝ่ายญาติผู้ตาย จะเกิดความรู้สึกดีขึ้นบ้างเหมือนได้ปลดปล่อยคนตาย รู้สึกหมดห่วง คล้ายๆว่าจะได้อโหสิกรรมต่อกัน จะได้ไม่มีการจองเวรต่อกันในชาติต่อๆไป(ความเชื่อทางศาสนา) หมดเวรหมดกรรมกันไปค่ะ

ทางฝ่ายผู้กระทำผิด ถ้าเต็มใจขอขมา ก็จะได้รับรู้ว่ามีการสำนึกในสิ่งที่ทำ คนทำผิดแล้วสำนึก จิตใจเขาจะดีขึ้น

ถ้าหากใครไม่ยอมขมา อาจจะเป็นเพราะเกิดความกลัว ไม่กล้าเผชิญหน้าฝ่ายญาติคนตาย หรืออาจเป็นคนที่ไร้จิตสำนึกก็ได้ค่ะ ส่วนตัวแล้วคิดว่าถ้าไม่ยอมขอขมา น่าจะเป็นเพราะเหตุผลแรกมากกว่าค่ะ

การขอขมาศพ หรือขอขมากรรม ผู้กระทำย่อมเป็นผู้สำนึกได้และตั้งใจที่จะขอขมาผู้ที่เราล่วงเกิน แต่การไปบังคับโดยเขาไม่สมยอมก็ไม่เกิดผลแก่ทั้งสองฝ่าย นอกเสียจากผู้บังคับเขามาได้เพียงความสะใจเท่านั้น สังคมไทยปัจจุบันนี้เอะอะก็ตั้งม๊อบกันได้ทุกเรื่อง คงเป็นการเลียนแบบกันมาด้วยความสะใจอย่างเดียว กรณีนี้ตามความเห็นส่วนตัวไม่รู้ว่าเลียนแบบของอินเดียหรือเปล่า ที่นึกศึกษาแพทย์ถูกข่มขืนบนรถสาธารณะ และเกิดเหตุการณ์รวมตัวกันของประฃาชนเพื่อให้รัฐบาลนำตัวผู้ทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว

ลองคิดซิว่ากหากทางฝ่ายกฎหมายบ้านเมืองไม่ยอมทำตามญาติผู้เรียกร้อง ต้วยเหตุผลว่าไม่มีกฎหมายข้อใดบังคับไว้ อะไรจะเกิดขึ้น และการที่ผู้ต้องหามาขอขมาศพ จึงเป็นการสารภาพไปในตัวว่าเขาเป็นอาชญากร จึงง่ายต่อการพิพากษา ถึงแม้ญาติจะอภัยให้แต่ทางกฎหมายอาญาแผ่นดินก็ต้องดำเนินต่อไป ที่น่าอันตรายก็คือ บรรดาญาติที่โกรธแค้นอาจทุบตีผูัต้องหาถึงบาดเจ็บล้มตายได้

ดังนั้นตัวบทกฎหมายกับจิตวิทยามวลชน จึงต้องดำเนินควบคู่ไปด้วยกัน คังเช่นรางรถไฟ การที่บ้านเมืองวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้มิใช่เพราะการแยกตัวบทกฎหมายออกไปพิจารณาจากความต้องการของมวลชนดอกหรือ?

นี่แหละครับความลึกซึ้งของศาล บางครั้งการลงโทษตามกฎหมายก็งั้นๆสำหรับบางคนมันด้านชินเพราะพื้นฐานชีวิตเขามาเช่นนั้น การขอขมาศพอย่างน้อยก็นำเขามายังที่ก่อเหตุต่อหน้าญาติผู้คน ถ้าเขายังไม่รู้สึกก็นับว่าเรามีประชากรที่ไร้คุณภาพอย่างแท้จริงครับ

โดยส่วนตัว การลงโทษตามบทกฎหมาย น่าจะสำคัญกว่าการขอขมาโจทย์-ผู้เสียหาย

ซึ่งการขอขมา ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆต่อรูปคดี หรือผู้เสียหายแต่อย่างใด

...........

อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับคุณเอก

ผมรู้แค่กฎหมายชาวบ้าน หรือคดีแพ่ง เล็กๆน้อยๆ

คดีอาญาไม่รู้อะใรมากมายนัก

จึงขอออกความเห็นแบบงูๆปลาๆ อย่าได้ถือสานะครับ

ความสำคัญ คือ การแสดง ออกของการเป็นคนที่สำนึกผิด....

ในความเป็นจริงตามขั้นตอนแล้ว การขอขมา จะทำก็ต่อเมื่อ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ

ทุกข้อกล่าวหา แต่ปัจจุบัน ขั้นตอนแบบนี้ถูกข้ามไป ด้วยสาเหตุอะไรก็ไม่ทราบ รวมถึงการทำแผนประกอบคำรับสารภาพก้อด้วย จะเห็นก็มีน้อยมาก....

และที่สำคัญแสดงออกถึงความเป็นคนไทย ที่นับถือศาสนาพุทธ จะโดนประชาทันท์ มันก็คงเป็น กรรม ซ้ำซ้อนอ่ะ แล้วแต่ จนท.

(ความเป็นจริง น่าจะเป็นการ ทำงานที่รวบรัด จนบกพร่อง ของจนท.)

ในกรณีนี้คงไม่ต้องอธิบายถึง ผู้ต้องหาที่ให้การปฏิเสธนะ เพราะไม่จำเป็น...

เพื่อเป็นการใปเกียรติแก่ผู้ตาย ทำให้ผู้ตายหมดห่วง

และเป็นการให้กำลังใจของญาติๆด้วย

ทั้งยังแสดงถึงความรับชอบต่อความรู้สึก

ของผู้ที่เสียชีวิตและญาติๆด้วยค่ะ.

ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตด้วยนะคะ

คนทำผิดต้องได้รับโทษอย่างสาสมแน่นอนค่ะ.

บางสิ่ง มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าไม่มีอยู่จริงครับ

ผมพูดได้แค่นี้

สวัสดี คุณเอก และ ทุกท่านด้วยนะคะ แวะมาเยี่ยมนะคะ ตกข่าวมาก ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสารบ้านเรานัก โดยเฉพาะข่าวเรื่องเศร้าๆ แล้ว ยิ่งไม่อยากได้รับ ได้แต่ทำใจตัวเองให้ เบา สบาย ค่ะพักนี้ ตั้งใจทำงาน ว่างก็ดูหนังฟังเพลงอยู่ในบ้านคนเดียว เหนื่อยมากก็หลับสบาย ไม่ฝันดี ไม่ฝันร้าย เลยสบายไปอีกแบบสำหรับชีวิตคนพลัดถิ่น

แม้จะได้รู้ ได้ยิน ข่าวร้ายๆ หรือ ข่าวดีๆ ก็ ไม่ยินดี ยินร้าย เฉยๆ ได้แต่ทำใจให้เบา สบาย แม้งานจะหนัก จะเหนื่อย เราก็สุขใจนะคะ ดังนั้น ดิฉันเอง ไม่มีความคิดเห็นใดๆเลย ในเรื่องการขอขมาฯที่ว่านี้ คงไม่ว่ากันนะคะ

( ขออวยพร ให้ทุกคน จงมีความสุขกาย สุขใจ ในวันแห่งความรักนี้ นะคะ ไม่ไปซีเรียส เครียดเคร่ง ในเรื่องบางเรื่อง เดี๋ยวจะไม่สบายนะคะ )

ฝากธรรมะมาให้กำลังใจทุกคนด้วยค่ะ http://www.youtube.com/watch?v=bWqvR1ucaDc