ถ้าเป็นคนชอบอ่านหนังสือมากๆ ทำอย่างไรที่จะไม่ให้สายตาเสีย?

หนังสือควรอยู่ในแนวตั้ง ทำมุมประมาณ 40 - 80 องศากับโต๊ะ แล้วแต่ลักษณะทางกายภาพของแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นมุมมองที่ทำให้อ่านหนังสือ ง่าย สบายตาที่สุด โดยไม่ต้องก้มหน้าอ่านหนังสือ ไม่ปวดคอ หรือจะใช้สแตน(ที่ตั้งวางหนังสือสำเร็จรูป)ก็ได้ หลังควรพิงพนักเก้าอี้ หลังจะได้ตรง ร่างกายจะผ่อนคลาย ทำให้อ่านหนังสือได้นานและดีต่อสุขภาพ

ไฟที่ใช้ควรใช้แสงธรรมชาติที่ไม่สว่างเกินไป ไม่มืด แสงจากธรรมชาติดีที่สุดหรือจากโคมไฟควรเข้าจากทางด้านข้างซ้าย ตำแหน่งราวๆตะวันตกเฉียงเหนือค่ะ เพราะ จะทำให้มองได้ชัด เพื่อให้แสงที่ตกสะท้อนจากกระดาษไม่ตกเข้าตา โดยความเข้มแสงที่เหมาะกับการอ่านหนังสือจะอยู่ที่ 300-500 lux โคมไฟที่ใช้อ่านหนังสือก็ต้องเลือกด้วย โดยแสงไฟจากโคมไฟที่ใช้ ไม่ควรเลือกแสงสีขาว หรือสีเหลืองจนเกินไป เพราะแสงแบบนี้จะแยงตาไม่เหมาะกับการอ่านหนังสือ ควรใช้หลอดตะเกียบที่มีแสงสีนวล (warm white) ค่ะ ซึ่งหลอดอีกประเภทคือหลอดที่มีแสงสีขาว (Cool Daylight) นั้น ไม่เหมาะสำหรับอ่านหนังสือนัก โคมไฟอ่านหนังสือนั้นมีขายโดยเฉพาะ ไอ้แบบที่เป็นโคมหลอดตะเกียบยาวราวๆ 20 ซม.หรือมากกว่านี้นิดหน่อย นั้นแหละค่ะ หาซื้อได้ตามร้านหรือแผนกดวงโคมไฟฟ้าค่ะ

ส่วนแสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์(หรือหลอดนีออนที่เรียกกันผิดๆ) ไม่เหมาะกับการอ่านหนังสือ เพราะมันจะกระพริบตลอดเวลา แต่เราแยกไม่ออกเองว่ามันกระพริบ

บางครั้งโคมไฟอ่านหนังสือทั่วๆ ไปจะใช้หลอดไส้ ที่เป็นหลอดอินแคนเดสเซนต์สีฟ้าๆ หลอดไส้จะให้แสงสีเหลือง พอแสงตัดกับผิวหลอดที่เป็นสีฟ้า สีจะเปลี่ยนเป็นเหลืองอ่อน แบบนี้ก็ใช้ได้ แต่มันจะทำให้ร้อนนิดหน่อย และเปลืองไฟกว่าหลอดตะเกียบแสงสีเหลืองค่ะ

ส่วนการอ่านตัวหนังสือจากจอคอมพ์นานๆนั้น ไม่ดี เพราะเขาบอกว่า ภาพจากคอมพ์มันเกิดจากจุดเล็กๆที่กระพริบตลอดเวลาเกินกว่าสายตาเราจะเห็นว่ามันกระพริบ ทำให้การมองนานๆมันจะปวดลูกตา และแสงที่จ้าก็ทำให้ล้าสายตาอีกด้วย อีกอย่างจอคอมพ์ยิ่งยาวเกินหนึ่งฟุต จะยิ่งทำให้เราต้องกวาดสายตามากเกินไปและยาวเกินไป จะทำให้เมื่อยตาค่ะ ไม่ควรอ่านหนังสือจากจอนานเกินครึ่งชั่วโมง ควรพิมพ์ออกมาอ่านจะดีกว่ามาก หรือหากเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องกระพริบตาบ่อยๆให้น้ำหล่อเลี้ยงตาอยู่เสมอ ไม่งั้นตาจะแห้ง และพักสายตาทุกสิบห้านาทีอย่างว่า แต่อย่างไรก็ล้าสายตาอยู่ดี ไม่ควรทำ พิมพ์ออกมาอ่านดีกว่า

ยอมเสียสายตาเลยค่ะ เพราะสมัยเด็กใฝ่ฝันอยากใส่แว่น แหะแหะ

ปรกติไม่ค่อยสนใจสภาพแสงค่ะ ความอยากอ่านอยากรู้มันชนะ

พักสายตาทุก15นาที เป็นการดูแลที่ดีที่สุด มองไปไกลๆก็ดีค่ะแล้วก็รักษาระยะห่างไม่ก้มหน้าก้มตาค่ะ ส่วนการอ่านติดลมนี่ฉันก็เป็นค่ะ 400กว่าหน้าจบไปเลยเพลินแล้วหลับยาวอิ่มอกอิ่มใจ ใช้เจลประคบตาคาดไว้เย็นสบายช่วยได้มากค่ะ

สงสัยจะช้าไปแล้ว เพราะสายตาเสียมานานแล้วค่ะ เพราะชอบนอนอ่านหนังสือ บางทีอ่านจนเช้า นั่งอ่านนอนอ่านได้ไม่ไปไหนเลยเวลาโรงเรียนปิดเทอม จนเดี๋ยวนี้ที่เลิกอ่านเพราะสายตาแย่ อ่านนานๆแล้วปวดตา เลยไม่ค่อยได้อ่านแล้ว แต่วิธีถนอมสายตาตามที่ทราบนะคะ แต่ไม่ค่อยได้ทำ สายตาเลยแย่

วิธีแรก ให้หน้ามองตรงไปข้างหน้าใช้เฉพาะตากรอกไปให้ซ้ายสุดแล้วก็กรอกกลับมาขวาสุด แล้วก็เหลือบขึ้นข้างบน หลุบตาลงข้างล่าง ทำแบบนี้สักห้าครั้ง แล้วค่อยเพิ่มไปเรื่อยๆ

วิธีที่สองใช้ฝ่ามือปิดตา แล้วหลับตาให้มืดสนิท สักครู่หนึ่ง

วิธีที่สามมองไปทางต้นไม้สีเขียว มองใกล้บ้างไกลบ้าง

ให้หลับตาสักพักเวลาอ่านนานเกินไป หรือควรเลิกอ่านแล้วนอนพัก ทั้งๆที่รู้วิธี แต่ส่วนมากเวลาอ่านหรือทำงานลืมทุกที

ไม่รู้เพราะที่ทำสมัยชอบอ่านหนังจีนมากๆ จะอ่านหนังสือ กินข้าว ฟังเพลง ดูทีวี พร้อมกัน แต่มีเงื่อนไขว่าต้องได้หมดในแต่ละห้วงที่ทดสอบ ตัวเอง

ถ้าอ่านติดลมต้องตั้งเวลาครับ เพราะสายตาเสียไปแล้วเอาคืนไม่ได้ ถนอมไว้ดีกว่า

แม้ดูจะยุ่งยากหรือมากเรื่องหน่อย แต่ก็ดีกว่าตาไร้ประสิทธิภาพมองไม่เห็นตัวหนังสือ

หากสะดวกนาฬิกาก็ใช้นาฬิกา หากสะดวกมือถือก็มือถือ

แต่หากเป็นผู้มีสติดี นาฬิกาและมือถืออาจไม่ต้องใช้

ซึ่งอันนี้ต้องไปฝึกสติให้มากไว้แล้วค่อยมาอ่าน

หรือฝึกอ่านไปด้วย ฝึกสติไปด้วย

แต่ปัญหาคือ อาจจะอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องในระยะแรกๆ แค่นั้นเอง (อิอิ)

ความกดดันรอบข้างเป็นตัวปัญหา การอ่านเพื่อศึกษาความรู้จึงโดนจำกัด

อ่านเเบบสบายเเละผ่อนคลาย กลายเป็นเครียดเมื่อสังคมบอกต่อกันไปว่าให้พัก คิดมากจนไม่ได้อ่าน