Yahoo Answers is shutting down on May 4th, 2021 (Eastern Time) and beginning April 20th, 2021 (Eastern Time) the Yahoo Answers website will be in read-only mode. There will be no changes to other Yahoo properties or services, or your Yahoo account. You can find more information about the Yahoo Answers shutdown and how to download your data on this help page.

ใครรู้บ้างทำไมซูโม่กิ๊กผอมลง?

ไปทำอะไรมา อยากรู้จริงๆจะได้เอาไปทำมั่ง ^^

5 Answers

Rating
  • 10 years ago
    Favorite Answer

    ถามจริงๆ เถอะ อยากรู้วิธีการลดความอ้วน ใช่หรือเปล่าเนี่ย

    งั้น Sincere ก็จะขอตอบตามตรงเลยนะคะ ว่า จริงๆ แล้ว Sincere ไม่ได้รู้รายละเอียดของซูโม่กิ๊กเค้าหรอกนะคะ

    แต่มีแนวคิด และแนวทางปฏิบัติในการลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องใช้ยา หรือการผ่าตัดใดๆ เรียกว่าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลยก็ได้นะคะ

    คือ Sincere จะขออนุญาตเล่าประสบการณ์ตรงของตัวเองน่ะค่ะ

    เมื่อประมาณ 1 ปีกว่าๆ นี่แหละค่ะ Sincere รู้สึกว่าตัวเองอ้วนขึ้นมากๆ เลย (คือปกติก็เป็นคนอ้วนอยู่แล้ว จนใครต่อใครทักก็ยิ้มรับด้วยความยินดีอยู่ทุกวัน) คือช่วงนั้นนะคะ น้ำหนักตัวของ Sincere เพิ่มขึ้นโดยที่เรียกว่า ไม่รู้ตัวเลย��่ามันขึ้นมาได้ยังไง เพราะปกติก็จะมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ในช่วง 65-75 กก. นี่แหละค่ะ แต่บังเอิญวันนั้นไปตรวจสุขภาพ คือพอก้าวขึ้นเครื่องขั่ง แล้วมองดูตาชั่งทีเดียว ต้องขอไปชั่งเครื่องอื่นๆ เพื่อเป็นการ confirm ว่าตาชั่งใช้ได้ดี และน้ำหนักเราเป็นค่าน้ำหนักเราจริงๆ เพราะมันขึ้นไปจนถึง 98 กิโลกรัม แต่ก็ดชคดีนะคะที่ผลการตรวจเลือดและตรวจอย่างอื่นๆ ทั้งเอ๊กซเรย์ปอด และการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เป็นปกติ แค่ก็ยังโวยวายกับแพทย์ผู้ตรวจอยู่พักใหญ่ๆ นะคะ ว่าไม่อยากจะเชื่อ ถ้าน้ำหนักมากขนาดนั้น มันต้องเป็นหมูตอนไปแล้ว ซึ่งผลการตรวจเลือดก็ไม่น่าจะเป็นปกติอย่างนี้ ซึ่งสุดท้าย แพทย์ก็สรุปว่า นี่คงเป็นเพียงช่วงแรกที่เริ่มเป็นหมูตอน (แบบว่าเป็นมันเปลว ยังไม่ถึงขั้นเป็นมันแข็ง) ก็ได้เกลี้ยกล่อมให้เราพยายามคิดทบทวนพฤติกรรมสุขภาพในช่วงที่ผ่านมานี้ให้ดี ว่าได้เผลอตัวทำอะไรผิด หรือเป็นพฤติกรรมเสี่ยงอย่างไรหรือเปล่า ถ้ามี ก็ให้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ แล้วมาคุยกันอีกที

    หลังจากนั้น Sincere ก็กลับมาคิดทบทวนนะคะ ว่าเราได้กินมากขึ้น นอนมากขึ้น ออกกำลังน้อยลงหรือทำอะไรผิดพลาดไปบ้างหรือเปล่า ก็ค่อยๆ คิดน่ะนะ ก่อนอื่นก็กลับไปส่งกระจกดูตัวเองที่บ้านก่อน ว่าทำไมน้ำหนักมันขึ้นมามากโดยที่เราไม่รู้ตัวเลย ก็ต้องร้องอ๋อเลยค่ะ

    - ถึงว่าช่วงหลังๆ นี่ เราต้องตัดชุด หรือซื้อเสื้อผ้าใหม่อยู่่บ่อยๆ เพราะว่าชุดเก่าๆ มันสวมใส่ไม่เข้า คือเรียกว่าไปห้างทีไรต้องเสียเงินเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้านี่ทุกรอบ

    - อาหารการกิน ก็ไม่รู้ว่าช่วงหลังๆ นี่ เรากินวันละกี่มื้อ คือเช้าขึ้นมาก็กินกาแฟกับขนมปัง 1 รอบ อีก 1-2 ชั่วโมงต่อมาก็จะเป็นบทบาทหน้าที่ของอาหารเช้า ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นข้าวราดไข่เจียวหมูสับ หลังจากนั้นก็อาจมีขนมติดมีขึ้นไปเผื่อกินในช่วงเบรคเช้าอีก 1 รอบ พอเที่ยงก็จะเป็นอาหารเที่ยงส่วนใหญ่ก็จะโทรฯสั่งให้เค้าไปส่งให้ถึงที่ทำงานได้เลย พร้อมทั้งอาหารเบรคช่วงบ่าย อีก 1 รอบ ตกเย็นหลังเลิกงานส่วนใหญ่ก็จะไปเดินห้าง shopping กับเพื่อนๆ เป็นกิจวัตร ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะไม่พ้นการรับประทานอาหารขยะทั้งหลาย

    - การออกกำลังกาย เราก็จะอ้างกันอยู่เป็นประจำว่า ทำงานมาทั้งวันก็หมดแรงแล้วนะ (ยังรวมการที่ต้องไปเดิน shopping ตามห้างอีก) คือเรียกว่าถึงบหอพักก็สลบกันแล้ว

    สรุปว่าไม่มีการออกกำลังกายอย่างที่ใครๆ เค้าทำกันเลย (แม้ว่าจะมีสวนสาธารณะ ซึ่งมีการจัดเป็นสวนส่งเสริมสุขภาพของจังหวัด) การทำงานก็ไม่ได้ออกแรงอะไรมากนัก อยู่แต่ในห้อง และยิ่งมี computer ด้วยแล้ว แทบจะไม่ได้ลุกเลย ยกเว้นเวลากิน

    คือเมื่อหันกลับมาสังเกตตัวเอง แล้วก็เข้าใจเลยว่า ทำไมน้ำหนักมันถึงขนาดนั้นได้ เนื่องจากรู้สึกอึดอัดกับร่างกายของตัวเองเลย ที่มีห่วงยางรอบเอว ลำคอเกือบไม่มีเหลือแล้ว ก็ถึงว่าทำไมช่วงนี้มันอึดอัด เวลานั่งนานๆ จะลุกทีหนึ่งก็ปวดไปทั้งตัวโดยเฉพาะบริเวณข้อต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่เห็นได้ว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเราเอง ซึ่งถ้าเราไม่จัดการอะไรกับพฤติกรรมของตัวเอง จะต้องมีน้ำหนักถึง 100 กก.แน่ๆ และก็จะต้องตามมาด้วยโรคร้ายต่างๆ ที่เราได้ดูแลและให้คำแนะนำผู้ป่วยในทุกวันนี้

    จึงตัดสินใจ

    - เลิกอาหารมื้อเย็น เป็นสิ่งแรก ด้วยเห็นว่าไม่มีความจำเป็นเท่าใดนัก ดังเช่นพระภิกษุท่านยังละได้ นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายต่างๆ จากการออกไปรับประทานอาหารตามห้างอีกด้วย

    ซึ่งตอนแรกก็ยอมรับนะคะ ว่าก็ทรมานเล็กน้อย คือมีอาการท้องร้องบ้าง แก้ปัญหาโดยหาผลไม้ประเภทมะละกอ หรือสัปปะรดมารับประทาน แต่ก็ยังอาจจะมีปัญหารู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึกอีก แล้วนอนไม่หลับ ก็ใช้วิธัการดื่มน้ำเข้าไปช่วย และต่อมาก็มาลองนั่งคิดว่า ว่ามีวิธีการใดที่จะทำให้เราสามารถเข้านอนแล้วหลับได้แบบว่า "ม้วนเดียวจบ" คือ หลับตั้งแต่เข้านอนแล้วรู้สึกตัวตื่นในตอนเช้าตามที่เราต้องการเลยได้

    สุดท้าย ก็มีวิธีการที่เรียกว่า "ประสบผลสำเร็จ" สำหรับ Sincere นะคะ ก็คือ "การออกกำลังกาย" โดยใช้วิธี "การเดินเร็วรอบๆ สวนสาธารณะ ซึ่งจะมีการจัดสร้างลานสำหรับเดินหรือวิ่งอยู้พร้อมแล้ว และอยู่ใกล้ๆ บ้านพักที่อาศัยอยู่ รวมระยะทางตั้งแต่เดินทางออกจากบ้าน เดินรอบสวนสาธารณะ และเดินกลับถึงบ้าน ก็ประมาณ 2.5 กิโลเมตร โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 20-30 นาที ซึ่งที่เรียกว่าประสบผลสำเร็จก็เพราะว่า เมื่อเดินแล้วกลับมานั่งทำงานตอนค่ำได้สักพักหนึ่ง พอเข้านอนแล้ว ก็จะสามารถนอนหลับได้ชนิด "ม้วนเดียวจบ" จริงๆ และสามารถตื่นขึ้นมา เข้าห้องน้ำได้ตามปกติ และรู้สึกสดชื่นดีมากๆ ค่ะ

    ทีนี้เราก็มาดูถึง "เป้าหมาย" ที่เราต้องการจะไปให้ถึงนะคะ คือต้องการลดน้ำหนักให้ได้ ก็สรุปว่า ภายใน 2 เดือนนะคะ Sincere สามารถลดน้ำหนักได้ ถึง 28 กิโลกรัม กลับมาเป็นคนที่มีรูปร่างเป็นผู้เป็นคนมากกว่าเมื่อก่อนอีกนะคะ (เนื่องจากเมื่อก่อน Sincere ไม่เคยออกกำลังกายไงคะ)

    ค่ะ! นี่ก็เป็นประสบการณ์ตรงของ Sincere ด้วยสโลแกน "งดอาหารเย็น และ เดินเล่นรอบสวนสาธารณะ" ซึ่งก็ยังถือปฏิบัติอยู่ต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้ เกือบๆ 2 ปีแล้วค่ะ

    ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะคะ ยินดีมากๆ ถ้าผู้ใดจะประสบความสำเร็จด้วยสูตรนี้นะคะ

    อาจจะมีคำถามนะคะ ว่า นานไห

  • 10 years ago

    ��¹€à¸‚านอนหายใจไม่ออกเพราะอ้วนมาก ไขมันไปดันหลอดลมทำให้หายใจขัด ๆ ตอนนอนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลลอดเวลา และต้องอยู่ที่อากาศดี ๆ ด้วย

  • 10 years ago

    เขาเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน หมอสั่งให้ลดน้ำหนัก เข้าใจว่าไม่อยากเป็นอย่างแดนนี้ที่ตอนนี้ต้องทำกายภาพบำบัดเพราะเส้นเลือดในสมองแตก มีเงินมากก็ใช่ว่าจะไม่เป็นโรค

  • อยากรู้ด้วย เห็น เมื่อวาน สงสัยเหมือนกัน

  • How do you think about the answers? You can sign in to vote the answer.
  • ไม่รู้หรอก แต่อยากผอมลงบ้าง ตอนนี้หนัก89 เมื่อต้นเดือนนี้80เอง เร็วมาก

Still have questions? Get your answers by asking now.